ไทเป 13 ก.ย. – ไต้หวันตั้งข้อหาชาวต่างชาติ 3 คน ในคดีปล้นเงินไปได้มากกว่า 2.6 ล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีการปล่อยมัลแวร์เข้าไปในเครือข่ายเอทีเอ็มของธนาคารท้องถิ่นรายใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งอัยการระบุเสนอให้ศาลลงโทษจำคุกคนร้าย 12 ปี
การปล้นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นคดีลักษณะนี้ครั้งแรกในไต้หวัน มีเป้าหมายที่เครือข่ายเอทีเอ็มของธนาคารเฟิร์สคอมเมอร์เชียล แบงค์ เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยมีการถอนเงินจากเครื่องเอทีเอ็มกว่า 10 เครื่องใน 3 เมืองใหญ่ในไต้หวัน สำนักงานอัยการแขวงของเมืองไทเปกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยค้นพบข้อบกพร่องที่เซิร์ฟเวอร์ของธนาคารนี้ที่สาขาในกรุงลอนดอนของอังกฤษและใช้เซิร์ฟเวอร์ที่สาขานี้ในการปล่อยมัลแวร์เข้าสู่ระบบ ตำรวจไต้หวันกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ตำรวจเชื่อว่า การปล้นที่เกิดขึ้นลงมือโดยแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ในขณะที่อัยการไต้หวันกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 ถูกตั้งข้อหาว่าฉ้อโกงและกระทำความผิดเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ผู้ต้องสงสัยอีก 19 คน ซึ่งมีชาวออสเตรเลีย ฝรั่งเศสและชาวยุโรปตะวันออก รวมอยู่ด้วย อยู่ในบัญชีที่ทางการไต้หวันต้องการตัวหลังจากที่คนกลุ่มนี้หลบหนีออกจากไต้หวันหลังการปล้น ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นคนร้ายสวมหน้ากาก โดยทำงานกันทีมละ 2 คน ลงมือที่ตู้เอทีเอ็ม 41 แห่งใน 3 เมืองใหญ่ระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคมทึ่ผ่านมา คนร้ายใช้เวลา 5-10 นาที ก็เดินออกจากตู้เอทีเอ็มพร้อมด้วยเงินเต็มถุง ตำรวจไต้หวันจับกุมทั้ง 3 ได้หลังเกิดเหตุไม่กี่วันและได้เงินคืนเกือบทั้งหมด เมื่อเดือนที่แล้วก็เกิดเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ที่ธนาคารออมสินในประเทศไทย.-สำนักข่าวไทย