fbpx

คมนาคมยืนยันรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ต้องยึดหลักกฎหมาย

กรุงเทพฯ  7 ธ.ค. – กระทรวงคมนาคมยืนยันรับมอบรถเมล์เอ็นจีวีใหม่ 489 คัน ตามขั้นตอนกฎหมาย  ขณะที่ ผอ.ขสมก.เผยขณะนี้ยังไม่ยกเลิกสัญญา แต่จะรอรับมอบรถจนถึง  29 ธันวาตามสัญญา เผยมีแผนสำรองนำรถรอปลดระวางเกือบ 3,000 คันวิ่งให้บริการ  


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กรณีที่บริษัทเอกชนชนะการประมูล โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ถูกกักรถที่ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวี ให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ  (ขสมก.) นั้น ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคม และ ขสมก. จะต้องดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายและในอนาคต ขสมก.ต้องมีความรัดกุมในเรื่องของการกำหนดเงื่อนไขในสัญญากับผู้ขายอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารถเมล์เอ็นจีวี เป็นโครงการที่จะทำให้ประชาชนได้ใช้บริการรถเมล์ใหม่ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพการบริการของประชาชน

ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิรกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า จากรณีนี้ ขสมก.เป็นแค่ผู้ซื้อที่มีสัญญาซื้อขายกับเอกชน เอกชนมีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันให้กับ ขสมก.ตามสัญญาภายในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ หากไม่สามารถส่งมอบได้ตามสัญญาจะต้องถูกปรับวันละ 17,000 บาท/คัน/วัน จนกว่าจะมีการรับมอบเสร็จจนครบ ซึ่งกรณีผู้ขาย คือ เอกชนมีปัญหากับกรมศุลกากร ทางเอกชนก็จะต้องดำเนินตามกฎหมาย ขสมก.มีหน้าที่รับมอบตามสัญญา ส่วนจะมีการยกเลิกสัญญาหรือไม่นั้น ทาง ขสมก.จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบและพิจารณาตามสมควร หากยกเลิกสัญญา ขสมก.ก็จะยึดหลักค้ำประกันมูลค่าร้อยละ 10 หรือประมาณ 330 ล้านบาท


“ยืนยันว่าทุกฝ่ายอยากให้มีการส่งมอบรถ 489 คัน แต่เงื่อนไขต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนแนวทางรองรับกรณีที่ไม่สามารถนำรถใหม่ 489 คันมาให้บริการประชาชนได้นั้น ทาง ขสมก.จะนำรถที่เตรียมปลดระวางกว่า 2,700 คันมาให้บริการได้เพียงแต่ประชาชนจะไม่ได้ใช้บริการรถใหม่เท่านั้น” ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ชีวิตติดลบ! ชาวแม่สายจมน้ำจมโคลน 10 วันแทบหมดตัว

หลายชุมชนชายแดนแม่สาย เผชิญน้ำท่วมและจมโคลนมา 10 วันแล้ว อยู่ในสภาพแทบหมดตัว ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับชีวิตที่ต้องติดลบจากน้ำท่วมครั้งนี้

อาลัย “อดีตแข้ง U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา

วงการลูกหนังอาลัย “อดีตนักเตะ U19” ขับเบนซ์พลิกคว่ำดับพร้อมภรรยา ชาวบ้านเผยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อย ลงสะพานอย่าขับเร็ว

สอบเพิ่ม “ไอ้แม็ก” ฆ่าชิงทรัพย์หญิงขับโบลท์ ฝากขังพรุ่งนี้

ตำรวจคุมตัว “ไอ้แม็ก” สอบปากคำเพิ่มคดีฆ่าชิงทรัพย์โชเฟอร์สาวขับโบลท์ เจ้าตัวปฏิเสธไปชี้จุด อ้างปวดท้องไม่สบาย เตรียมฝากขังพรุ่งนี้