เกาหลีใต้ 4 พ.ค.- “อาคม” เดินหน้าเจรจาแหล่งทุนจาก ADB สถาบันการเงินระหว่างประเทศ ลดภาระดอกเบี้ยในประเทศ ยอมรับขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็นร้อยละ70 จากเดิมร้อยละ 60 รองรับวิกฤติการเงินโลก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ครั้งที่ 56 ว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจในปี2566 นี้ชะลอตัวช้าลงจากปีที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้ขยายตัวร้อยละ 2.8 จากนั้นปีหน้าขยายตัวร้อยละ 3 ส่วนในเอเชียคาดว่า ขยายตัวร้อยละ 4.4 -4.5 สำหรับเศรษฐกิจไทย และหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียที่เริ่มฟื้นตัวคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 3.6
“ที่ประชุม ADB เห็นพ้องกัน ในการเผชิญปัญหาการใช้จ่ายเพื่อรักษาเยียวยา ช่วยเหลือประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ จนทำให้มีภาระการพัฒนาประเทศ ต้องหาหนทางร่วมกันช่วยประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 มั้งความยากจนและความเหลื่อมล้ำ หลายประเทศต้องการความช่วยเหลือจากธนาคารADB สำหรับไทย หลายโครงการต้องร่วมลงทุนกับภาคเอกชนแบบ PPP รัฐบาลไทยยังได้ออกพันธบัตรหรือกู้เงินภายในประเทศเพิ่มเติม ยอมรับอนาคต อาจต้องกู้เงินต่างประเทศแต่ขอประเมิน อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ ทั้งการออกพันธบัตรในตลาดอาเซียน หรือกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชีย เพื่อระดมเงินทุนพัฒนาโครงการสีเขียว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เริ่มรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หลายประเทศยังขาดเงินทุนจึงเป็นต้อง หาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมรวมทั้งไทย” นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้พูดถึงเสถียรภาพของสถาบันการเงินที่มีผลจากธนาคารจากสหรัฐอเมริกาปิดตัวลงไปหลายแห่ง อาจมีผลกระทบต่อในประเทศในเอเชีย ส่วนไทยไม่มีผลกระทบเพราะไม่ได้มีธุรกรรมกับธนาคารที่ถูกปิดในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเคยประสบปัญหาวิกฤติทางการเงินมาก่อนในปี 2540 ยืนยันว่าหน่วยงานที่กำกับดูแลคือธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุนสำรองระหว่างประเทศมั่นคงมาก ยอดหนี้ NPL ของระบบค่อนข้างต่ำ จึงขอให้มั่นใจได้ว่าเสถียรภาพทางการเงินของไทยมั่นคง ไม่มีผลกระทบจากสหรัฐ และยุโรปอย่างแน่นอน
ที่ประชุมให้ความสำคัญ ในการเปิดให้มีการโอนเงินข้ามแดน หรือ cross border payments รองรับ การจ่ายโอนเงินข้ามแดน ไทยได้ร่วมกับ ทดลองระบบพร้อมเพย์ของไทย กับเพย์นาว ของสิงคโปร์ และพร้อมขยาย กลุ่มประเทศอาเซียนและโอนเงินระหว่างสถาบันการเงินกับบุคคลธรรมดาในอนาคต ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา ความเชื่อมโยงข้อมูลของธนาคารแต่ละประเทศ และหามาตราการรองรับเรื่องของไซเบอร์ซีเคียวริตี้ คาดว่าน่าจะ3ปีน่าจะสามารถทำให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น
นายอาคม ยอมรับว่า ที่ผ่านมาใช้งบประมาณไปมากในการเยี่ยวยาโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงทำให้งบด้านการลงทุนมีน้อยมาก จึงพร้อมเจรจากับหลายสถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพัฒนาเอเชียเพื่อเป็นแหล่งทุน จึงต้องทำให้มีพื้นที่ทางการคลังมากขึ้นเพื่อรองรับการพัฒนา การแก้ปัญหาวิกฤต และความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กระทรวงการคลังได้สร้างกรอบความยั่งยืนทางการคลัง จึงได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะเป็นร้อยละ70 จากเดิมร้อยละ 60 แต่ไม่จำเป็นต้องกู้ทั้งหมดเต็มเพดาน เพื่อใช้เท่าที่จำเป็น การเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะ เพื่อรองรับวิกฤตอาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายอาคม มองว่า ในปี2566 ทั้งก่อนหรือหลังเลือกตั้ง ความต่อเนื่องของการพัฒนานับว่าสำคัญมาก เช่นเดียวกับ ADB แนะว่า จะเป็นปีที่เศรษฐกิจของเอเชียฟื้นตัว ด้วยการขับเคลื่อน 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. การใช้ประโยชน์การท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศ การเร่งรัดลงทุน โครงสร้างพื้นฐานในเขต EEC ให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชน
2.หลังจากช่วงโควิด19 ขาดการเชื่อมต่อกับต่าง ประชาชนถูกห้ามออกนอกประเทศการทำธุรกรรม ขนส่ง หยุดชะงัก ดังนั้น จึงต้องre-connect การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน
3.การปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้ให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนา ประเทศที่ยากจน รวมถึง ผลักดันเศรษฐกิจ BCG การสร้างอาชีพสร้างความเข้มแข็ง ให้กับภาคเกษตร ลดภาระของรัฐบาลด้านการเกษตร ด้วยการประกันภัยพืชผล ประกันรายได้ ซึ่งได้เริ่มทำในธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทั้ง ธกส.และเอ็กซิมแบงค์ ซึ่งได้ให้เอ็กซิมแบงค์ได้นำพาผู้ประกอบการได้ออกนอกประเทศเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ
นายอาคม มองว่า ภารกิจของเอ็กซิมแบงค์พาคนไทยออกนอกประเทศเพื่อหารายได้เข้าประเทศ มีหลายโครงการที่ภาคเอกชนไทย สนใจลงทุนเพื่อนำเงินเงินกลับเข้าในประเทศ เพราะในบางช่วงเมื่อค่าเงินบาทแข็ง ไทยต้องการให้เอกชนที่มีศักยภาพนำเงินออกไปลงทุนตาางประเทศ เพื่อให้เงินบาทอ่อนตัวลง ที่ผ่านมา เอ็กซิมแบงค์ เข้าไปลงทุนเรื่องของพลังงานสะอาด ในต่างประเทศทั้งในเวียดนาม ญี่ปุ่น การร่วมประชุมที่เกาหลีครั้งนี้ เพื่อมาเจรจากับสถาบันการเงินพันธมิตร และส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยกับเกาหลีในอนาคต.-สำนักข่าวไทย