กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – กรมส่งเสริมสหกรณ์ติดตามแก้ปัญหาทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ระบุกรณีสมาชิกร้องนายกรัฐมนตรีตรวจสอบความเสียหายอาจถึง 1.3 หมื่นล้านบาทไม่เป็นความจริง เพราะมูลค่าสินทรัพย์มีแค่ 4,600 ล้านบาท จับตาคดีอย่างต่อเนื่อง
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ภายหลังจากที่อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวกรวม 6 คน ได้ปล่อยเงินกู้ 199 สัญญา วงเงิน 2,200 ล้านบาท ทำให้สหกรณ์ได้รับความเสียหายและกระทบหนักถึงสมาชิกกว่า 6,000 ราย ต่อมากรมส่งเสริมสหกรณ์แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2561 เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องและการส่งชำระหนี้ของสหกรณ์ โดยเสนอแผนในการผ่อนชำระหนี้และแผนฟื้นฟูกิจการให้สหกรณ์เจ้าหนี้พิจารณา เพื่อขอผ่อนปรนการชำระหนี้เงินกู้และระงับการถอนเงินฝาก ซึ่งสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 14 รายยอมรับข้อเสนอ ทำให้สหกรณ์มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นและสามารถให้บริการเงินกู้แก่สมาชิกได้ในปัจจุบัน
สำหรับความคืบหน้าด้านคดีความนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการชั่วคราวมีมติให้ดำเนินคดีกับอดีตประธานกรรมการและพวก และลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ทุกราย พร้อมทั้งมีหนังสือบอกกล่าวการชำระหนี้ (Notis) ไปยังอดีตประธานกรรมการ และพวก เพื่อเตรียมฟ้องคดีเมื่อครบกำหนด 60 วัน ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 นายสมนึก ทองคำดี กรรมการชั่วคราวที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ และนายกมลชนก มุกดา ผู้จัดการของสหกรณ์ ได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้แทนสหกรณ์ในการดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา และได้เข้าแจ้งความและให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกอดีตประธานกรรมการ และพวกรวม 6 คน และผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน แล้ว จากนั้นประธานกรรมการชั่วคราวพร้อมกับรองประธานกรรมการชั่วคราวคนที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการนำเงินออกจากสหกรณ์ของอดีตประธานกรรมการ และพวก ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งให้ส่งเอกสารหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินออกจากสหกรณ์ของอดีตประธานกรรมการ และพวกเพิ่มเติม เพื่อทำสำนวนฟ้องคดี ซึ่งปัจจุบันได้เรียบเรียงข้อมูลและบรรยายพฤติการณ์ของอดีตประธานกรรมการและพวกในการนำเงินออกไปจากสหกรณ์พร้อมกับจัดเอกสารหลักฐานประกอบส่งให้กับพนักงานสอบสวนแล้วทั้งหมด และจากการติดตามความคืบหน้าจากพนักงานสอบสวนทราบว่า ผู้กระทำผิด 2 รายได้ให้เข้าปากคำแล้ว ส่วนอดีตประธานกรรมการ และพวกยังไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน
จากการตรวจสอบเอกสารสัญญาเงินกู้ของสหกรณ์ฯ ไม่พบว่ามีบริษัทภายนอกหรือนิติบุคคลอื่นปรากฎในรายชื่อผู้กู้ นอกเหนือจากสมาชิกของสหกรณ์สโมสรรถไฟฯ ซึ่งการกู้เงินทั้งหมดของสหกรณ์เป็นบุคคลทั้งหมด ไม่มีนิติบุคคล สำหรับกรณีที่สมาชิกสหกรณ์บางกลุ่มมีข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของการแนะนำให้สหกรณ์ต่าง ๆ นำเงินมาฝากสหกรณ์สโมสรรถไฟฯ ในช่วงที่อดีตประธานกรรมการยังทำหน้าที่เป็นประธานสหกรณ์ฯ นั้น ขณะนี้อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่าเป็นจริงตามข้อกล่าวหรือไม่ ซึ่งจะเรียกเจ้าหน้าที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน มาสอบข้อเท็จจริงภายในวันที่ 4 ก.ย. 2561 และจะสรุปเสนออธิบดีฯ ต่อไปว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลหรือไม่ รวมถึงจะตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกด้วยว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ส่วนกรณีที่สมาชิกส่วนหนึ่งในนามกลุ่มธรรมาภิบาลไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าจำนวนเงินที่อดีตประธานกรรมการและพวกนำออกไปจากสหกรณ์เกินกว่า 13,159 ล้านบาทนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากได้มีการตรวจสอบงบแสดงฐานะทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟพบว่าสหกรณ์มีทุนดำเนินงาน ประกอบด้วยหุ้นและเงินฝากจากสหกรณ์ เงินรับฝากจากสหกรณ์อื่น และเงินกู้ยืมจากสหกรณ์อื่น 4,669 ล้านบาท และในข้อเท็จจริงสหกรณ์ไม่สามารถปล่อยเงินออกจากสหกรณ์ได้เกินกว่าทุนดำเนินงานที่มีอยู่ได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการสหกรณ์ชั่วคราวได้กำหนดจัดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชั่วคราวและจัดการเลือกตั้งคณะกรรมการดำเนินการชุดใหม่ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งตัวแทนจากสมาชิกของสหกรณ์เข้ามาบริหารงานสหกรณ์วันที่ 31 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 ที่สโมสรรถไฟ เขตปทุมวัน.-สำนักข่าวไทย