กรุงเทพฯ 22 ส.ค.-กลุ่มปตท.ประเมินราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น เดินหน้าขยายการลงทุน ในส่วนของ ปตท.เตรียมเสนอบอร์ดธ.ค. นี้กระจายหุ้นถ่านหินเข้าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย
นายพิจิน อภิวันทนาพร
ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี
61 จะทรงตัวหรืออาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 60
โดยยังต้องติดตามแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบ และราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติ
ประกอบกับช่วงปี 60 บริษัทมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน
ขณะที่ปีนี้ไม่มีกำไรดังกล่าว สำหรับช่วงไตรมาส 3/61
จะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซและโรงโอเลฟินส์ ของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)
และโครงการ UHV
ของ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)
จะปิดซ่อมบำรุงระยะเวลา 15 วัน ขณะที่บริษัทยังคงกรอบวงเงินลงทุน ตามแผน 5
ปี ไว้จำนวน 240,000 ล้านบาท
โดยส่วนหนึ่งเพื่อหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่
เพื่อให้มีการเติบโตที่นอกเหนือจากธุรกิจเดิมที่ดำเนินการอยู่
นายพิจิน ยังเปิดเผยว่า
บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนเพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเดือน
ธ.ค.อนุมัติการนำธุรกิจถ่านหินที่ประเทศอินโดนีเซียเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของอินโดนีเซีย
ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในธุรกิจเหมืองถ่านหินดังกล่าวเกือบทั้ง 100%
มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 8 ล้านตันต่อปี โดยบริษัทมองว่าธุรกิจถ่านหินมีแนวโน้มเติบโตตามทิศทางราคาถ่านหินในตลาดโลกที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น
นายชัชชัย สิริวิชช์ ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์
บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริคาดผลประกอบการปีนี้จะใกล้เคียงหรือต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย
เนื่องจากในปีนี้ค่าการกลั่น (GRM) อาจจะอยู่ที่ 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ต่ำกว่าปีก่อน 6.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แต่หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นกว่านี้อาจทำให้บริษัทมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเข้ามาช่วยหนุนให้ผลประกอบการให้ทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน
คาดทิศทางราคาน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 75-80
เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยทิศทางยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงเนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว
รวมทั้งเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวและเดินทาง
ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น
ในขณะเดียวกันอุปทานส่วนหนึ่งอาจจะหายไปจากประเทศเวเนซุเอลาและอิหร่านที่เผชิญกับการคว่ำบาตรจากสหรัฐ
นายชัชชัย กล่าวว่า
บริษัทเตรียมเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/61 ในวันที่ 27
ส.ค.พิจารณาอนุมัติการเข้าลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean
Fuel Project) หรือ
โครงการ CFP มูลค่าการลงทุนราว 4,825 ล้านเหรียญสหรัฐ
นางสาวสุกิตตี ไชยรักษ์
ผู้จัดการฝ่ายแผนกลยุทธ์และบริหารการเงินองค์กร บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า
บริษัทเตรียมเสนอแผนซื้อหุ้น บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) เข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 24
ส.ค.61 โดยจะเข้าซื้อในสัดส่วน 69.11% เมื่อผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้ว
หลังจากนั้นภายใน 25-45 วันบริษัทจะต้องทำการเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดอีก
30.89% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีการปรับลดราคาซื้อหุ้น GLOW ลงมาอยู่ที่ 94.89 บาท/หุ้น
จากเดิมมีมติให้เข้าซื้อในราคา 96.50 บาท/หุ้น เนื่องจาก GLOW ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา
1.608 บาท/หุ้น ซึ่งจะเป็นการปรับลดลงตามจำนวนเท่ากับเงินปันผล
นายทิติพงษ์
จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.พีทีที
โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า
บริษัทคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก
เนื่องจากสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพในทุกหน่วยธุรกิจ
ทั้งธุรกิจโอเลฟินส์, ธุรกิจอะโรเมติกส์ และธุรกิจโรงกลั่น ขณะเดียวกันมาร์จิ้นของธุรกิจโอเลฟินส์ยังสามารถยืนอยู่ในระดับสูง
เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มาอยู่ในระดับ 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่วนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ
ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างศึกษา จะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 62 -สำนักข่าวไทย