วิป 3 ฝ่ายเจรจาเหลว “ณัฐพงษ์” บอกฝ่ายค้านต้องได้ 30 ชม.

รัฐสภา 13 มี.ค.-ถกกรอบซักฟอกเหลว “วิปสามฝ่าย” นัดใหม่ 19 มี.ค. เหตุเจรจาไม่สำเร็จ “ณัฐพงษ์” ลั่นหากอยากให้เดินหน้าต่อได้ ต้องยอมถอยคนละก้าว ฝ่ายค้านต้องได้ 30 ชม. จึงจะยอมแก้คำในญัตติ เหน็บหากซักฟอกไม่ได้สมัยนี้ อาจเกิดจากรัฐบาลไม่ยอมให้เวลาที่เพียงพอ

การประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย เริ่มขึ้นประมาณ 16.00 น. วันนี้ โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะวิปคณะรัฐมนตรี นายวิสุทธิ์ไชยณรุณ สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน.ในฐานะประธานฝ่ายค้าน นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคพท. ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะวิปฝ่ายค้าน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเรื่องกรอบระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151


ก่อนการประชุม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยินดีที่จะให้มีการปรับคำเพื่อให้ญัตติสามารถเดินหน้าไปได้ แต่เรื่องกรอบระยะเวลาในการประชุมนั้น อย่างน้อยฝ่ายค้านขอประมาณ 30 ชั่วโมง ส่วนจะอภิปรายกี่วันก็ขึ้นอยู่กับฝั่งรัฐบาลว่าจะชี้แจงทั้งหมดกี่วัน แต่สำหรับพรรคฝ่ายค้านอยากได้ 30 ชั่วโมง

ภายหลังประชุมร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านยังยืนยันว่าจะกลับไปเจรจากับฝ่ายตัวเองก่อน โดยจะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 19 มีนาคมนี้ ซึ่งประเด็นที่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้คือเรื่องกรอบระยะเวลาที่จะใช้ในการอภิปราย โดยจากที่ตนได้ไปหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและวิปรัฐบาล รวมถึงได้มีการแถลงไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเราได้มีการหารือสองเรื่องพร้อมกัน คือพรรคฝ่ายค้านยอมที่จะแก้ไขญัตติตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอมา และเรายืนยันกรอบระยะเวลาคือ 30 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าเมื่อเจรจากันในวิปสามฝ่ายแล้ว ยังไม่สามารถสรุปเรื่องกรอบระยะเวลาได้


เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องการกี่ชั่วโมง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องตัวเลขระยะเวลาที่รัฐบาลอยากได้นั้นตนยังไม่อยากให้ถาม เพราะจะกระทบกับการเจรจา แต่บอกได้ว่าตัวเลขที่ฝ่ายค้านเสนอไปคือ 30 ชั่วโมง ส่วนทางรัฐบาลและครม.จะขอเท่าไหร่เรายินดี แล้วจึงค่อยมาคำนวณว่าจะอภิปราย ซึ่งเราขอยึดที่ตัวเนื้อหาคือกรอบชั่วโมงก่อน ทั้งนี้ หากเดินตามกรอบไปได้ วันนี้เราคงได้ข้อสรุป แต่ปรากฏว่ากรอบชั่วโมงที่เราให้ไป ทางฝั่งรัฐบาลไม่เห็นด้วย จึงทำให้การเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการปรับคำในญัตติบ้างหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องตัวญัตติเองตนยังไม่ได้ทำหนังสือส่งถึงประธานสภาฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งตนได้รักษาคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้กับประธานสภาฯ หากเจรจากับทางวิปร่วมในเรื่องกรอบระยะเวลาได้สำเร็จ เราก็พร้อมที่จะปรับคำในญัตติเพื่อให้สามารถเดินหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตามกรอบระยะเวลาที่เราได้ตกลงกันไว้ แต่เนื่องจากวันนี้ เรายังไม่สามารถเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลากันได้ ฉะนั้น เรื่องการปรับคำในญัตติ ตนก็ยังไม่สามารถที่จะยื่นต่อประธานสภาฯ ได้

เมื่อถามว่า รัฐบาลได้มีการแนะนำหรือไม่ว่าอยากให้ปรับคำในญัตติไปในทิศทางใด นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าอย่างไรก็ตามต้องนำชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติ ส่วนจะปรับเป็นคำอื่นอย่างไรนั้น ตนขอให้รอดูข้อสรุปอีกครั้ง เนื่องจากจะปรับเป็นคำใดหรือเรื่องกรอบระยะเวลาในการที่จะอภิปรายนั้นย่อมส่งผลถึงการเจรจา


เมื่อถามว่า มองว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นในเดือนนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในมุมของตน คิดว่ายังทันภายในเดือนนี้ เนื่องจากขณะนี้ญัตติสมบูรณ์เสร็จแล้วทุกอย่าง รอแค่การปรับคำ ก็พร้อมที่จะบรรจุได้ แต่ยังติดอยู่รอบเดียวคือเรื่องของกรอบระยะเวลา ซึ่งเราจะปิดสมัยประชุมวันที่ 10 เมษายน ฉะนั้น ก็ยังเหลือเวลาในการที่จะเจรจาอยู่ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าหากไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ก็อาจจะเป็นต้นเดือนเมษายน

เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเสนอให้อภิปรายสองวัน และลงมติอีกหนึ่งวัน จะสามารถทำได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ยังหารือกันอยู่ คิดว่าในส่วนนี้ต้องหาจุดตรงกลางร่วมกัน เมื่อสักครู่มีการเจรจาพูดคุยกันในห้องหลายรูปแบบ แต่หากดูตามบรรทัดฐานของสภาในอดีต ตนคิดว่าเนื้อหาสำคัญที่สุด และหากดูจากสิ่งที่ฝ่ายค้านเตรียมมาหลายเดือน ตนยืนยันว่าระยะเวลา 30 ชั่วโมงที่เราเสนอไปนั้น ไม่ใช่ระยะเวลาที่มากเกินไป เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะก่อนหน้านี้เราได้เสนอไป 5 วัน นี่เป็นสิ่งที่เราถอยกันเยอะแล้ว ส่วนจะเป็นเส้นตายสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากอยากให้เดินต่อไปได้ต้องยอมถอยคนละก้าว ซึ่งฝ่ายค้านยอมถอยมาแล้วเรื่องระยะเวลา 5 วัน แต่ละหลักการเนื้อหาเรายังยืนยันตามเดิม จึงอยากให้รัฐบาลกลับไปคุยกันในแต่ละพรรคก่อนเพื่อจะกลับมาหาข้อสรุปในสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่า เห็นตรงกันใช่หรือไม่ที่ควรจะมีการอภิปรายในสมัยนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าพรรคฝ่ายค้านอยากอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยนี้ แต่ตอนนี้ยังเดินหน้าต่อไม่ได้ เนื่องจากยังไม่สามารถเจรจาลงตัวเรื่องกรอบระยะเวลากับพรรคร่วมรัฐบาลได้ และขอสื่อสารตรงๆ ว่าหากไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในสมัยประชุมนี้ ก็อาจจะเกิดจากการที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมให้ระยะเวลาที่เพียงพอกับฝ่ายค้าน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย