“จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

บช.ก. 13 มี.ค. – “จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พบผลิต Pod K รายแรกในไทย และผลปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ


นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ., ภญ.สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียน, นายฐิตินันท์ สิงหา รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ ตรวจยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง

นางสาวจิราพร กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ปราบปรามแก้ไขปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน ได้ปูพรหมกวาดล้างการสกัดกั้นการนำเข้า และการปราบปรามร้านค้ารายใหญ่ หากมีการจับกุมรายย่อยก็จะขยายผลเพื่อจับกุมรายใหญ่ต่อไป ห้วงระยะเวลาที่มีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้จับกุมขยายผลอย่างเข้มข้น วันนี้เป็นการแถลงผลการจับกุม 3 ราย ซึ่งมีเรื่องใหม่ของการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพบว่ามีการผลิต Pod K รายแรกในประเทศไทย เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับทางรัฐบาลที่จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้นไม่ให้ขยายวงกว้างไปถึงเด็กและเยาวชน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2568 มีสถิติจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ 1,078 คดี ของกลางกว่า 9 แสนชิ้น มูลค่า 118 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่าสถิติจำนวนการจับกุมในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบเท่ากับผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในรอบปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้น


นางสาวจิราพร กล่าวว่า การสั่งกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ คาดหวังว่าภายในระยะเวลา 30 วัน จะเห็นผลที่ดีขึ้น ส่วนการปราบปรามยืนยันว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการโดยจะเน้นเรื่องการป้องกันลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งหากจับได้และพบว่ามีการลักลอบนำเข้าก็จะส่งให้กับตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีโดยไม่มีการยอมความ และส่งให้ ปปง. ตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเน้นย้ำในการดูแลในเรื่องของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งร้านค้าออนไลน์จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการปิดกั้นเว็บและส่งข้อมูลเพื่อขยายผลต่อจากผู้ขายจนไปถึงแหล่งที่จะขายทั้งหมด ทุกรายที่นำเข้าทั้งแก๊สหัวเราะ และบุหรี่ไฟฟ้าจะกวาดล้างไม่สนว่าเป็นรายใหญ่ หรือรายเล็ก จะขยายผลต่อเพื่อให้เกิดผลภายใน 30 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังและเป็นการปกป้องลูกหลานเยาวชนไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยประชาชน ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันและปราบปราม การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม ยังเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายอยู่ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ทางตำรวจจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้ตรวจค้นขยายผลถึงสถานที่จัดเก็บ แหล่งกระจายสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้กับร้านค้าและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์


พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า รายแรกตำรวจได้บุกทลายแหล่งผลิต Pod K ขายยามัจจุราชพันธุ์ใหม่ โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมนายกันชัย อายุ 38 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านเขตคันนายาว กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย หัว Pod K บรรจุน้ำยา 45 ชิ้น, หัว Pod K รอบรรจุน้ำยา 470 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 2 ชิ้น, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 9 ชิ้น และเครื่องพิมพ์ฉลากสินค้าแบบพกพา 2 ชิ้น รวมของกลาง 528 ชิ้น มูลค่า 1,133,000 บาท

คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวผู้มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ กลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อว่า “PARTY๗๗๗” ซึ่งมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่าย หัวพอตเค มีการส่งข้อความโฆษณา โดยให้สั่งซื้อสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางดังกล่าว มีสมาชิก 2,322 คน ผู้ติดตาม 420 คน เปิดขายหัวพอตเค พร้อมบริการส่งให้ลูกค้าทางขนส่งเอกชน ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ร้านนี้มีการสต็อกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่คอนโดย่านคันนายาว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี และจับกุมนายกันชัยได้พร้อมของกลาง นายกันชัยรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้านขาย Pod K จัดจำหน่ายช่องทางออนไลน์และแพ็คสินค้าจัดส่งตามออเดอร์ ทำมาได้แล้วประมาณ 4 เดือน จึงจับกุมพร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ขอลงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนในคดีนี้ เพราะมีการกระทำผิดเป็นขบวนการยังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายรายทั้ง ผู้ลักลอบนำเข้า ผู้ผลิต รวมไปถึงนายทุน ที่จะต้องสืบสวนขยายผลต่อไป โดยคดีนี้แหล่งที่มาของบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้วิธีลักลอบนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มนี้ได้ผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นเองในไทย โดยใช้สารเอโทมีเดท (Etomidate) เป็นสารตั้งต้น ซึ่งสารนี้เป็นส่วนผสมของยาสลบ โดยจะขายให้กลุ่มวัยรุ่น และชาวต่างชาติในราคา 2,200-4,000 บาท ขายได้ต่อวัน 10-50 ชิ้น มีรายได้ตั้งแต่ 20,000-100,000 บาทต่อวัน

ภญ.อรัญญา กล่าวว่า สำหรับสารเอโทมีเดท (Etomidate) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้เป็นยาที่ใช้ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสลบ ซึ่งฤทธิ์ของตัวยาจะช่วยสงบประสาทและระงับความรู้สึก หากมีการเสพและนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่เสพอาจเกิดภาวะมือสั่น หรือร่างกายสั่น ไม่สามารถทรงตัวได้ โดยรวมจะมีผลเสียหายต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดการหยุดหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มของยาเอโทมีเดทเป็นยาควบคุมพิเศษ การสั่งจ่ายจะต้องสั่งจ่ายผ่านสถานพยาบาลเท่านั้นโดยแพทย์ และหากเภสัชกรจะจ่ายยาตัวนี้ได้จะต้องมีใบสั่งแพทย์ ปัจจุบันยังไม่พบการรั่วไหลจากระบบสถานพยาบาล การจับกุมครั้งนี้เป็นการลักลอบนำเข้าและลักลอบผลิต ซึ่งเป็นการผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า รายที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุม น.ส.ชญานิษฐ์ อายุ 30 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดย ประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตาม มาตรา 242, มาตรา 246 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 40,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนพบเพจเฟซบุ๊ก relx M&M Thailand ทราบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงล่อซื้อจนทราบว่ามีการจัดส่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาจากบ้านพักย่านทาว์นอินทาว์น เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และย้ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาเก็บไว้ยังคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นพบน.ส.ชญานิษฐ์ แสดงตนเป็นผู้ครอบครองสถานที่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีนายทุนต่างชาติจ้างให้ดูแลสินค้าและจัดจำหน่ายโดยให้ค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า รายที่ 3 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. บุกค้น 9 จุด สกัดแก๊สหัวเราะก่อนถึงผู้บริโภค ยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ กว่า 40,000 หลอด พร้อมลูกโป่ง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. ตรวจค้นจับกุมดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะในพื้นที่ถนนข้าวสาร จึงได้สืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มา สถานที่กักเก็บ จุดกระจายสินค้า รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ ต่อมาได้หมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และพื้นที่ กทม. ได้แก่ เขตจตุจักร เขตบางบอน เขตวัฒนา เขตสวนหลวง เขตวังทองหลาง เขตสาทร และเขต คลองเตย

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นได้ยึดของกลาง จำนวน 46,246 ชิ้น มูลค่า 3,111,500 บาท ได้แก่ หลอดบรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 40,975 หลอด, ลูกโป่งสำหรับใช้บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 3,698 ลูก และกระบอกสำหรับใช้อัดแก๊ส 1,591 กระบอก การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และกรณีหากนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุลูกโป่งจำหน่ายจะเป็นความผิดฐานผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510

ภญ.สุภาวดี กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกัน เพื่อป้องปรามและตรวจสอบการนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงขอเตือนประชาชนที่ซื้อแก๊สไนตรัสออกไซด์ทั้งที่เป็นถัง 3.3 ลิตร เป็นกระเปาะมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใส่ลูกโป่งเพื่อสูดดมให้รู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มอาจส่งผลอันตรายถึงตายได้ เนื่องจากแก๊สที่บรรจุในลูกโป่งคือแก๊สไนตรัสออกไซด์ หากสูดดมเข้าไปมาก แก๊สจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในปอดและในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบหายใจหรือประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ อาจทำให้หกล้มได้รับบาดเจ็บ และหมดสติ หากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานานจะทำให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม มึน ชา กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย เหน็บชา บริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า รับความรู้สึกไม่ได้ เนื่องจากภาวะขาดวิตามินบี 12 ร้ายแรงสุดอาจเสียชีวิตได้ และทาง อย. เคยจับกุมผู้ขายลูกโป่งแก๊สหัวเราะและออกข่าวเตือนผู้บริโภคไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเตือนให้ผู้ที่นำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุแล้วขายให้กับประชาชนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย