“จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

บช.ก. 13 มี.ค. – “จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พบผลิต Pod K รายแรกในไทย และผลปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ


นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ., ภญ.สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียน, นายฐิตินันท์ สิงหา รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ ตรวจยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง

นางสาวจิราพร กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ปราบปรามแก้ไขปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน ได้ปูพรหมกวาดล้างการสกัดกั้นการนำเข้า และการปราบปรามร้านค้ารายใหญ่ หากมีการจับกุมรายย่อยก็จะขยายผลเพื่อจับกุมรายใหญ่ต่อไป ห้วงระยะเวลาที่มีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้จับกุมขยายผลอย่างเข้มข้น วันนี้เป็นการแถลงผลการจับกุม 3 ราย ซึ่งมีเรื่องใหม่ของการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพบว่ามีการผลิต Pod K รายแรกในประเทศไทย เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับทางรัฐบาลที่จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้นไม่ให้ขยายวงกว้างไปถึงเด็กและเยาวชน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2568 มีสถิติจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ 1,078 คดี ของกลางกว่า 9 แสนชิ้น มูลค่า 118 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่าสถิติจำนวนการจับกุมในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบเท่ากับผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในรอบปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้น


นางสาวจิราพร กล่าวว่า การสั่งกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ คาดหวังว่าภายในระยะเวลา 30 วัน จะเห็นผลที่ดีขึ้น ส่วนการปราบปรามยืนยันว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการโดยจะเน้นเรื่องการป้องกันลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งหากจับได้และพบว่ามีการลักลอบนำเข้าก็จะส่งให้กับตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีโดยไม่มีการยอมความ และส่งให้ ปปง. ตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเน้นย้ำในการดูแลในเรื่องของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งร้านค้าออนไลน์จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการปิดกั้นเว็บและส่งข้อมูลเพื่อขยายผลต่อจากผู้ขายจนไปถึงแหล่งที่จะขายทั้งหมด ทุกรายที่นำเข้าทั้งแก๊สหัวเราะ และบุหรี่ไฟฟ้าจะกวาดล้างไม่สนว่าเป็นรายใหญ่ หรือรายเล็ก จะขยายผลต่อเพื่อให้เกิดผลภายใน 30 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังและเป็นการปกป้องลูกหลานเยาวชนไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยประชาชน ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันและปราบปราม การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม ยังเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายอยู่ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ทางตำรวจจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้ตรวจค้นขยายผลถึงสถานที่จัดเก็บ แหล่งกระจายสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้กับร้านค้าและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์


พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า รายแรกตำรวจได้บุกทลายแหล่งผลิต Pod K ขายยามัจจุราชพันธุ์ใหม่ โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมนายกันชัย อายุ 38 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านเขตคันนายาว กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย หัว Pod K บรรจุน้ำยา 45 ชิ้น, หัว Pod K รอบรรจุน้ำยา 470 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 2 ชิ้น, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 9 ชิ้น และเครื่องพิมพ์ฉลากสินค้าแบบพกพา 2 ชิ้น รวมของกลาง 528 ชิ้น มูลค่า 1,133,000 บาท

คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวผู้มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ กลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อว่า “PARTY๗๗๗” ซึ่งมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่าย หัวพอตเค มีการส่งข้อความโฆษณา โดยให้สั่งซื้อสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางดังกล่าว มีสมาชิก 2,322 คน ผู้ติดตาม 420 คน เปิดขายหัวพอตเค พร้อมบริการส่งให้ลูกค้าทางขนส่งเอกชน ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ร้านนี้มีการสต็อกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่คอนโดย่านคันนายาว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี และจับกุมนายกันชัยได้พร้อมของกลาง นายกันชัยรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้านขาย Pod K จัดจำหน่ายช่องทางออนไลน์และแพ็คสินค้าจัดส่งตามออเดอร์ ทำมาได้แล้วประมาณ 4 เดือน จึงจับกุมพร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ขอลงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนในคดีนี้ เพราะมีการกระทำผิดเป็นขบวนการยังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายรายทั้ง ผู้ลักลอบนำเข้า ผู้ผลิต รวมไปถึงนายทุน ที่จะต้องสืบสวนขยายผลต่อไป โดยคดีนี้แหล่งที่มาของบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้วิธีลักลอบนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มนี้ได้ผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นเองในไทย โดยใช้สารเอโทมีเดท (Etomidate) เป็นสารตั้งต้น ซึ่งสารนี้เป็นส่วนผสมของยาสลบ โดยจะขายให้กลุ่มวัยรุ่น และชาวต่างชาติในราคา 2,200-4,000 บาท ขายได้ต่อวัน 10-50 ชิ้น มีรายได้ตั้งแต่ 20,000-100,000 บาทต่อวัน

ภญ.อรัญญา กล่าวว่า สำหรับสารเอโทมีเดท (Etomidate) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้เป็นยาที่ใช้ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสลบ ซึ่งฤทธิ์ของตัวยาจะช่วยสงบประสาทและระงับความรู้สึก หากมีการเสพและนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่เสพอาจเกิดภาวะมือสั่น หรือร่างกายสั่น ไม่สามารถทรงตัวได้ โดยรวมจะมีผลเสียหายต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดการหยุดหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มของยาเอโทมีเดทเป็นยาควบคุมพิเศษ การสั่งจ่ายจะต้องสั่งจ่ายผ่านสถานพยาบาลเท่านั้นโดยแพทย์ และหากเภสัชกรจะจ่ายยาตัวนี้ได้จะต้องมีใบสั่งแพทย์ ปัจจุบันยังไม่พบการรั่วไหลจากระบบสถานพยาบาล การจับกุมครั้งนี้เป็นการลักลอบนำเข้าและลักลอบผลิต ซึ่งเป็นการผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า รายที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุม น.ส.ชญานิษฐ์ อายุ 30 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดย ประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตาม มาตรา 242, มาตรา 246 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 40,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนพบเพจเฟซบุ๊ก relx M&M Thailand ทราบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงล่อซื้อจนทราบว่ามีการจัดส่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาจากบ้านพักย่านทาว์นอินทาว์น เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และย้ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาเก็บไว้ยังคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นพบน.ส.ชญานิษฐ์ แสดงตนเป็นผู้ครอบครองสถานที่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีนายทุนต่างชาติจ้างให้ดูแลสินค้าและจัดจำหน่ายโดยให้ค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า รายที่ 3 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. บุกค้น 9 จุด สกัดแก๊สหัวเราะก่อนถึงผู้บริโภค ยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ กว่า 40,000 หลอด พร้อมลูกโป่ง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. ตรวจค้นจับกุมดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะในพื้นที่ถนนข้าวสาร จึงได้สืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มา สถานที่กักเก็บ จุดกระจายสินค้า รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ ต่อมาได้หมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และพื้นที่ กทม. ได้แก่ เขตจตุจักร เขตบางบอน เขตวัฒนา เขตสวนหลวง เขตวังทองหลาง เขตสาทร และเขต คลองเตย

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นได้ยึดของกลาง จำนวน 46,246 ชิ้น มูลค่า 3,111,500 บาท ได้แก่ หลอดบรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 40,975 หลอด, ลูกโป่งสำหรับใช้บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 3,698 ลูก และกระบอกสำหรับใช้อัดแก๊ส 1,591 กระบอก การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และกรณีหากนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุลูกโป่งจำหน่ายจะเป็นความผิดฐานผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510

ภญ.สุภาวดี กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกัน เพื่อป้องปรามและตรวจสอบการนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงขอเตือนประชาชนที่ซื้อแก๊สไนตรัสออกไซด์ทั้งที่เป็นถัง 3.3 ลิตร เป็นกระเปาะมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใส่ลูกโป่งเพื่อสูดดมให้รู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มอาจส่งผลอันตรายถึงตายได้ เนื่องจากแก๊สที่บรรจุในลูกโป่งคือแก๊สไนตรัสออกไซด์ หากสูดดมเข้าไปมาก แก๊สจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในปอดและในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบหายใจหรือประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ อาจทำให้หกล้มได้รับบาดเจ็บ และหมดสติ หากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานานจะทำให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม มึน ชา กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย เหน็บชา บริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า รับความรู้สึกไม่ได้ เนื่องจากภาวะขาดวิตามินบี 12 ร้ายแรงสุดอาจเสียชีวิตได้ และทาง อย. เคยจับกุมผู้ขายลูกโป่งแก๊สหัวเราะและออกข่าวเตือนผู้บริโภคไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเตือนให้ผู้ที่นำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุแล้วขายให้กับประชาชนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]