“จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า

บช.ก. 13 มี.ค. – “จิราพร” แถลงผลปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พบผลิต Pod K รายแรกในไทย และผลปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ


นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ปคบ., ภญ.สุภาวดี ธีระวัฒน์สกุล ผู้อำนวยการกองอาหาร, ภญ.อรัญญา เทพพิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียน, นายฐิตินันท์ สิงหา รองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและปฏิบัติการกวาดล้างตัดตอนลูกโป่งบรรจุแก๊สหัวเราะ ตรวจยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง

นางสาวจิราพร กล่าวว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ปราบปรามแก้ไขปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 20 หน่วยงาน ได้ปูพรหมกวาดล้างการสกัดกั้นการนำเข้า และการปราบปรามร้านค้ารายใหญ่ หากมีการจับกุมรายย่อยก็จะขยายผลเพื่อจับกุมรายใหญ่ต่อไป ห้วงระยะเวลาที่มีข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้จับกุมขยายผลอย่างเข้มข้น วันนี้เป็นการแถลงผลการจับกุม 3 ราย ซึ่งมีเรื่องใหม่ของการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพบว่ามีการผลิต Pod K รายแรกในประเทศไทย เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับทางรัฐบาลที่จะต้องปราบปรามอย่างเข้มข้นไม่ให้ขยายวงกว้างไปถึงเด็กและเยาวชน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์-12 มีนาคม 2568 มีสถิติจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ 1,078 คดี ของกลางกว่า 9 แสนชิ้น มูลค่า 118 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่าสถิติจำนวนการจับกุมในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบเท่ากับผลการจับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในรอบปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้น


นางสาวจิราพร กล่าวว่า การสั่งกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ คาดหวังว่าภายในระยะเวลา 30 วัน จะเห็นผลที่ดีขึ้น ส่วนการปราบปรามยืนยันว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการโดยจะเน้นเรื่องการป้องกันลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ทั้งหากจับได้และพบว่ามีการลักลอบนำเข้าก็จะส่งให้กับตำรวจสอบสวนกลางดำเนินคดีโดยไม่มีการยอมความ และส่งให้ ปปง. ตรวจสอบถึงเส้นทางการเงินต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการเน้นย้ำในการดูแลในเรื่องของร้านค้าออนไลน์และหน้าร้าน ซึ่งร้านค้าออนไลน์จะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการปิดกั้นเว็บและส่งข้อมูลเพื่อขยายผลต่อจากผู้ขายจนไปถึงแหล่งที่จะขายทั้งหมด ทุกรายที่นำเข้าทั้งแก๊สหัวเราะ และบุหรี่ไฟฟ้าจะกวาดล้างไม่สนว่าเป็นรายใหญ่ หรือรายเล็ก จะขยายผลต่อเพื่อให้เกิดผลภายใน 30 วัน ตามที่นายกรัฐมนตรีคาดหวังและเป็นการปกป้องลูกหลานเยาวชนไม่ให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย

พล.ต.อ.ประจวบ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยประชาชน ปฏิบัติการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นมาตรการป้องกันและปราบปราม การลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม ยังเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายอยู่ และมีผลกระทบต่อสุขภาพ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ทางตำรวจจะเฝ้าระวังและป้องกันปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยในครั้งนี้ได้ตรวจค้นขยายผลถึงสถานที่จัดเก็บ แหล่งกระจายสินค้าที่นำมาจำหน่ายให้กับร้านค้าและนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์


พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า รายแรกตำรวจได้บุกทลายแหล่งผลิต Pod K ขายยามัจจุราชพันธุ์ใหม่ โดยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมนายกันชัย อายุ 38 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านเขตคันนายาว กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย (บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย หัว Pod K บรรจุน้ำยา 45 ชิ้น, หัว Pod K รอบรรจุน้ำยา 470 ชิ้น, เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเปลี่ยนหัว 2 ชิ้น, น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า 9 ชิ้น และเครื่องพิมพ์ฉลากสินค้าแบบพกพา 2 ชิ้น รวมของกลาง 528 ชิ้น มูลค่า 1,133,000 บาท

คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวผู้มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าช่องทางออนไลน์ กลุ่มไลน์ Open Chat ชื่อว่า “PARTY๗๗๗” ซึ่งมีพฤติกรรมลักลอบจำหน่าย หัวพอตเค มีการส่งข้อความโฆษณา โดยให้สั่งซื้อสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางดังกล่าว มีสมาชิก 2,322 คน ผู้ติดตาม 420 คน เปิดขายหัวพอตเค พร้อมบริการส่งให้ลูกค้าทางขนส่งเอกชน ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบว่า ร้านนี้มีการสต็อกสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่คอนโดย่านคันนายาว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลอาญามีนบุรี และจับกุมนายกันชัยได้พร้อมของกลาง นายกันชัยรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของร้านขาย Pod K จัดจำหน่ายช่องทางออนไลน์และแพ็คสินค้าจัดส่งตามออเดอร์ ทำมาได้แล้วประมาณ 4 เดือน จึงจับกุมพร้อมยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ขอลงรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนในคดีนี้ เพราะมีการกระทำผิดเป็นขบวนการยังมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกหลายรายทั้ง ผู้ลักลอบนำเข้า ผู้ผลิต รวมไปถึงนายทุน ที่จะต้องสืบสวนขยายผลต่อไป โดยคดีนี้แหล่งที่มาของบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้วิธีลักลอบนำเข้าเพียงอย่างเดียว แต่กลุ่มนี้ได้ผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นเองในไทย โดยใช้สารเอโทมีเดท (Etomidate) เป็นสารตั้งต้น ซึ่งสารนี้เป็นส่วนผสมของยาสลบ โดยจะขายให้กลุ่มวัยรุ่น และชาวต่างชาติในราคา 2,200-4,000 บาท ขายได้ต่อวัน 10-50 ชิ้น มีรายได้ตั้งแต่ 20,000-100,000 บาทต่อวัน

ภญ.อรัญญา กล่าวว่า สำหรับสารเอโทมีเดท (Etomidate) จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ใช้เป็นยาที่ใช้ในการเหนี่ยวนำให้เกิดการสลบ ซึ่งฤทธิ์ของตัวยาจะช่วยสงบประสาทและระงับความรู้สึก หากมีการเสพและนำมาผสมในบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ที่เสพอาจเกิดภาวะมือสั่น หรือร่างกายสั่น ไม่สามารถทรงตัวได้ โดยรวมจะมีผลเสียหายต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดการหยุดหายใจถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ส่วนกลุ่มของยาเอโทมีเดทเป็นยาควบคุมพิเศษ การสั่งจ่ายจะต้องสั่งจ่ายผ่านสถานพยาบาลเท่านั้นโดยแพทย์ และหากเภสัชกรจะจ่ายยาตัวนี้ได้จะต้องมีใบสั่งแพทย์ ปัจจุบันยังไม่พบการรั่วไหลจากระบบสถานพยาบาล การจับกุมครั้งนี้เป็นการลักลอบนำเข้าและลักลอบผลิต ซึ่งเป็นการผลิตและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า รายที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจ บก.ปคบ. จับกุม น.ส.ชญานิษฐ์ อายุ 30 ปี ได้บริเวณคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ หลังขายสินค้าที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสั่งห้ามขาย(บุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า) อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 29/9, 56/4 และคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการเรื่องห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า และผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดย ประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตาม มาตรา 242, มาตรา 246 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า, น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 40,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

พ.ต.อ.ไกรวิศท์ กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจได้สืบสวนพบเพจเฟซบุ๊ก relx M&M Thailand ทราบว่ามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ จึงล่อซื้อจนทราบว่ามีการจัดส่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาจากบ้านพักย่านทาว์นอินทาว์น เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ และย้ายสินค้าบุหรี่ไฟฟ้ามาเก็บไว้ยังคอนโดย่านลาดพร้าว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงขอหมายค้นศาลอาญาเข้าตรวจค้นพบน.ส.ชญานิษฐ์ แสดงตนเป็นผู้ครอบครองสถานที่ พบของกลางบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาอ้างว่ามีนายทุนต่างชาติจ้างให้ดูแลสินค้าและจัดจำหน่ายโดยให้ค่าตอบแทนเดือนละ 200,000 บาท จึงได้จับกุมพร้อมยึดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า รายที่ 3 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลางร่วม อย. บุกค้น 9 จุด สกัดแก๊สหัวเราะก่อนถึงผู้บริโภค ยึดแก๊สไนตรัสออกไซด์ กว่า 40,000 หลอด พร้อมลูกโป่ง มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตำรวจ กก.4 บก.ปคบ.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปคม. ตรวจค้นจับกุมดำเนินคดีกับผู้ผลิตและจำหน่ายลูกโป่งแก๊สหัวเราะในพื้นที่ถนนข้าวสาร จึงได้สืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มา สถานที่กักเก็บ จุดกระจายสินค้า รวมถึงการลักลอบจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ต่างๆ ต่อมาได้หมายค้นของศาลเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ, ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และพื้นที่ กทม. ได้แก่ เขตจตุจักร เขตบางบอน เขตวัฒนา เขตสวนหลวง เขตวังทองหลาง เขตสาทร และเขต คลองเตย

พ.ต.อ.วีระพงษ์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นได้ยึดของกลาง จำนวน 46,246 ชิ้น มูลค่า 3,111,500 บาท ได้แก่ หลอดบรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 40,975 หลอด, ลูกโป่งสำหรับใช้บรรจุแก๊สไนตรัสออกไซด์ 3,698 ลูก และกระบอกสำหรับใช้อัดแก๊ส 1,591 กระบอก การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 ฐาน จำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และกรณีหากนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุลูกโป่งจำหน่ายจะเป็นความผิดฐานผลิต ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510

ภญ.สุภาวดี กล่าวว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกัน เพื่อป้องปรามและตรวจสอบการนำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาใช้ผิดวัตถุประสงค์ จึงขอเตือนประชาชนที่ซื้อแก๊สไนตรัสออกไซด์ทั้งที่เป็นถัง 3.3 ลิตร เป็นกระเปาะมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ ใส่ลูกโป่งเพื่อสูดดมให้รู้สึกเพลิดเพลินและเคลิบเคลิ้มอาจส่งผลอันตรายถึงตายได้ เนื่องจากแก๊สที่บรรจุในลูกโป่งคือแก๊สไนตรัสออกไซด์ หากสูดดมเข้าไปมาก แก๊สจะเข้าไปแทนที่ออกซิเจนในปอดและในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ร่างกายไม่สามารถควบคุมระบบหายใจหรือประสานการทำงานของอวัยวะต่างๆ ได้ อาจทำให้หกล้มได้รับบาดเจ็บ และหมดสติ หากสูดดมบ่อยครั้งเป็นเวลานานจะทำให้เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม มึน ชา กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย เหน็บชา บริเวณนิ้วมือนิ้วเท้า รับความรู้สึกไม่ได้ เนื่องจากภาวะขาดวิตามินบี 12 ร้ายแรงสุดอาจเสียชีวิตได้ และทาง อย. เคยจับกุมผู้ขายลูกโป่งแก๊สหัวเราะและออกข่าวเตือนผู้บริโภคไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเตือนให้ผู้ที่นำแก๊สไนตรัสออกไซด์มาบรรจุแล้วขายให้กับประชาชนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที ถือว่ามีความผิด ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ.2510. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ตรึงกำลังเข้ม-รถจีโน่เข้าประจำการชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 20 ก.ย. – เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นำรถจีโน่เข้าประจำการชายแดน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ขณะที่น้ำใจชาวไทยหลั่งไหลสู่เจ้าหน้าที่ไม่ขาดสาย ส่วนที่จันทบุรี วางลวดหนามหีบเพลงตามจุดล่อแหลม.-สำนักข่าวไทย

Delayed flights at Brussels airport after cyberattack disrupts operations

เหตุโจมตีไซเบอร์ป่วนสนามบินในยุโรป

ลอนดอน 20 ก.ย. – สนามบินในยุโรปหลายแห่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีไซเบอร์ต่อระบบเช็กอินและการขึ้นเครื่อง ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและถูกยกเลิกบางส่วน ขณะที่สหรัฐมีเหตุขัดข้องที่สนามบินในเมืองดัลลัส ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษแจ้งเตือนเรื่องเที่ยวบินล่าช้า เนื่องจากบริษัทคอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบเช็คอินและขึ้นเครื่องให้กับสายการบินหลายสายในสนามบินหลายแห่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาทางเทคนิค ซึ่งอาจกระทบต่อผู้โดยสารขาออก   ขณะที่ท่าอากาศยานบรัสเซลส์ของเบลเยียมแถลงผ่านเว็บไซต์ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น การโจมตีไซเบอร์ครั้งนี้ทำให้ระบบการเช็คอินอัตโนมัติไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องใช้การเช็คอินและขึ้นเครื่องด้วยระบบมือเท่านั้น ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อกำหนดตารางการบิน ทำให้เที่ยวบินล่าช้าและยกเลิก ขอให้ผู้โดยสารที่มีกำหนดเดินทางในวันเสาร์ตรวจสอบกับสายการบินก่อนเดินทางไปยังสนามบิน ด้านท่าอากาศยานเบอร์ลินของเยอรมนีแจ้งข้อความผ่านเว็บไซต์ว่า เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการระบบเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ส่งผลให้การเช็คอินต้องใช้เวลานานขึ้น แต่ท่าอากาศยานแฟรงเฟิร์ต ซึ่งเป็นสนามบินใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและท่าอากาศยานซูริคของสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด อาร์ทีเอ็กซ์ คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคอลลินส์ แอโรสเปซแจ้งว่า ทราบเรื่องซอฟต์แวร์ที่สนามบินบางแห่งมีปัญหาที่เกี่ยวกับไซเบอร์แล้ว แต่ไม่ได้ระบุชื่อสนามบินเหล่านั้น ส่วนที่สหรัฐองค์การบริหารการบินแห่งชาติหรือเอฟเอเอ (FAA) ได้สั่งระงับเที่ยวบินขาออกมากกว่า 1,800 เที่ยวที่สนามบิน 2 แห่งของเมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัสเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น และต้องยกเลิกเที่ยวบินอีกหลายร้อยเที่ยว หลังจากระบบโทรคมนาคมเกิดปัญหาขัดข้อง เอฟเอเอระบุว่า ปัญหาการจราจรล่าช้าเกิดจากอุปกรณ์ของบริษัทโทรคมนาคมท้องถิ่นมีปัญหา ไม่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ของเอฟเอเอ และเอฟเอเอได้ร่วมมือกับบริษัทโทรคมนาคมดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุของปัญหาแล้ว.-816(814).-สำนักข่าวไทย

อพยพด่วน! พนังกั้นน้ำแตกทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์ 20 ก.ย. – พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มีรายงานว่า พนังกั้นน้ำหน้าสวนดงตาลแตก ฝั่งถนนพิทักษ์ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ทำให้น้ำทะลักท่วมเทศบาลเมืองหล่มสัก รอบที่ 2 กู้ชีพกู้ภัย รถพยาบาล ระดมกำลังเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง และอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศห้ามรถทุกชนิดผ่าน และให้ยกของขึ้นที่สูงโดยด่วน ส่วนอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการชลประทาน พร้อมทหาร เร่งวางแบริเออร์ กระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะดงตาล เพื่อชะลอมวลน้ำไม่ให้เข้าในพื้นที่.-สำนักข่าวไทย

“20 ชม.” แพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัดต่อมือเด็กสำเร็จ

เชียงใหม่ 20 ก.ย.- ทีมแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าตัด 20 ชั่วโมง ต่อมือเด็กหญิงวัย 14 ปี ประสบความสำเร็จ หลังถูกฟันขาด เบื้องต้นยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เหตุการณ์ ขณะนายจายอ้ายหม่อง หรือ นายหม่อง อันธพาลเมียนมาและพวก ถือมีดสปาต้า วิ่งเข้าไล่ฟันกลุ่มผู้เสียหาย จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน หนึ่งในนั้น คือ ด.ญ.อายุ 14 ปี ซึ่งยกแขนขึ้นบัง ทำให้ถูกนายหม่องฟันจนข้อมือขาด เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณร้านซักรีดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อมาตำรวจตามจับคนก่อเหตุได้ทั้งหมด 15 ราย ล่าสุด รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ ระบุได้รับผู้ป่วยเด็กหญิงอายุ 14 ปี ซึ่งถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดจนมือขวาขาดระดับข้อมือ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 […]