บก.ปปป.13 มี.ค. – “บิ๊กเต่า” ขยายผลหาปลายทางขบวนการทุจริตยา เชื่อเสร็จเร็วกว่ากำหนด จ่อขยายผล รพ.อื่น ขณะที่ ผกก.1 บก.ปปป. แจงคืบหน้าคดีจับกุม 7 เจ้าหน้าที่ กทม. ทุจริตเบิกเงินซ่อมรถโดยสาร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เข้าประชุมหารือในคดีการทุจริตยาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โดยเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า เบื้องต้นได้มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 80-90 ปาก ขณะนี้อยู่ในการรวบรวมพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้สำนวนมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะพิจารณาออกหมายจับดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำหรับข้อมูลที่คณะพนักงานสอบสวนมีอยู่ในขณะนี้ มีความน่าเชื่อว่าอาจจะมีโรงพยาบาลอื่นที่กระทำในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน และถือว่าเคสนี้เป็นเคสที่น่าสนใจ เนื่องจากที่ผ่านมาตำรวจยังไม่เคยเจอแผนประทุษกรรมในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นการนำเหยื่อจำนวนมากมาเบิกเงินจากบัญชีของรัฐออกไป เพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่น การกระทำเหล่านี้อุบาทว์มาก แต่เชื่อว่าการสืบสวนและสอบสวนจะเสร็จสิ้นเร็วกว่ากำหนด โดยจะมีการขยายผลไปถึงปลายทางของยา ว่านำไปที่ไหนอย่างไร ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานจะมีคำตอบที่ชัดเจน
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีอดีตแม่ทีมกลับใจ ยืนยันว่าไม่ใช่แม่ทีมที่กลับใจ แต่บุคคลดังกล่าวเป็นพลเมืองดีที่เสียสละเข้าไปเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ตำรวจ
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. จับกุมเจ้าหน้าที่กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร ที่ร่วมกันทุจริตปลอมใบเสนอราคาเบิกเงินซ่อมรถบัสว่า ทั้ง 7 คน ได้เข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. เปิดเผยว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน ในจำนวนนี้มี 5 คน ที่ถูกออกหมายจับ อีก 2 คน เข้ามอบตัว พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีในความผิด มาตรา 157 ฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” และมาตรา 162 “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารอันเป็นเท็จ” โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนอนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยมี 2 คน เป็นอดีตผู้อำนวยการฯ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และเจ้าหน้าที่พัสดุ ได้กำหนดหลักทรัพย์ คนละ 4 แสนบาท ในการประกันตัว อีก 3 คน ใช้ตำแหน่งประกันตัวไป และอีก 2 คน ให้ปล่อยตัวโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ เนื่องจากมามอบตัว โดยทั้งหมดจะทำเอกสารชี้แจงภายหลัง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการทุจริตจัดซื้อน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพาวเวอร์, น้ำมันเฟืองท้าย อุปกรณ์ต่างๆ ที่ราคาแพงเกินจริงหลายเท่า ได้มีการดำเนินการควบคู่ไปด้วยหรือไม่อย่างไร พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบไปทางเจ้าหน้าที่ กทม. ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับช่างซ่อม ตรวจสอบข้อมูลจากกรมโรงงาน กทม. จึงได้รวบรวมข้อมูลดังกล่าวไว้ในสำนวนแล้ว โดยยอมรับว่ามีพฤติการณ์ทุจริตแบบนี้จริง ส่วนการทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา ทาง กทม. เป็นผู้ร้องไปยัง ป.ป.ช.เอง ไม่ได้ร้องทุกข์มาที่ บก.ปปป. จึงเป็นอำนาจการชี้มูลของ ป.ป.ช. -419- สำนักข่าวไทย