ปตท.พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความมั่นคง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ 12 มี.ค. – ซีอีโอ ปตท.พร้อมรับรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความมั่นคง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน กำหนด 3 แผนหลัก เน้นลงทุนในสิ่งที่ถนัด พร้อมหาพันธมิตรเสริมแกร่ง ยอมรับปีนี้เสี่ยงทั้งนโยบาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ลดลง


ราคาหุ้น ปตท.ช่วงนี้ปรับตัวลงมาต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี โบรกเกอร์ระบุสะท้อนผลประกอบการชองบริษัทลูกที่อ่อนแอ นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ซีอีโอ ปตท. ระบุราคาหุ้นที่ลดลง ก็เป็นไปตามทิศทางหุ้นไทยที่ลงทั้งตลาด และส่วนหนึ่งก็มาจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในส่วนของพื้นฐาน ปตท.ยังเป็นไปได้ดี ทั้งแผนธุรกิจ กระแสเงินสด รวมถึงเงินปันผลยังมีผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ตาม ปตท.พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความมั่นคง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน แม้ว่าวันนี้จะมีความท้าทายทั้งปัจจัยภายในองค์กรและปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น นโยบายทรัมป์ 2.0 การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยมีก๊าซธรรมชาติเป็น Transition Fuel อุตสาหกรรมเคมีทั่วโลกอยู่ในวัฏจักรขาลง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ , Digital & AI Acceleration รวมถึงนโยบายพลังงานของภาครัฐ ทั้งแผนพลังงานชาติ Single Pool GAS, การเปิดเสรีก๊าซฯ ขณะที่ ปตท.เองก็ต้องดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล, ปรับตัว กลับมามุ่งการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ เพื่อให้พลังงานมีความมั่นคง ต้นทุนเหมาะสม และหาแหล่งพลังงานสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอดสู่ก๊าซ – ปิโตรเคมี เพื่อให้สภาวะการแข่งขันของโลกมีผลต่อ ปตท.น้อยที่สุด

ดังนั้นที่ผ่านมาและปีต่อๆ ไป ปตท.จะลงทุนเฉพาะสิ่งที่สร้างความมั่นคงทางพลังงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยในปี 2568 มุ่งสร้างความมั่นคงและการเติบโตด้วยการลงทุนที่สร้างผลกำไร ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง และสร้างเสถียรภาพให้ธุรกิจเติบโตอย่างชาญฉลาด บูรณาการความยั่งยืนเข้าสู่การดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน ลงทุนน้อยแต่ได้ผลตอบแทนเร็ว ลดความเสี่ยง ซึ่ง ปตท.และบริษัทในกลุ่มจะร่วมมือกัน เน้นสร้างความมั่นคงและเติบโต ไม่ใช่ว่า ปตท.จะไม่ลงทุนแต่การลงทุนจะดูความคุ้มทุนเพื่อสร้างการเติบโตที่ก้าวกระโดด


“ช่วงนี้หุ้นไทยลงทั้งตลาด ในส่วนของ กลุ่ม ปตท.มองว่าส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันลงเยอะ ช่วงหลังราคาน้ำมันลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ในส่วนของ fundamental ทั้ง business plan , clash flow รวมถึงการมีความมั่นคง ปันผลยีลด์สูง เป็นคอมมิทเมนต์ที่จะต้องจ่ายให้ต่อเนื่อง ด้านลงทุนต่างประเทศ นักวิเคราะห์ก็ชอบที่เราออกจากสิ่งที่ไม่ถนัด ไม่ทำอะไรในสิ่งที่เป็นความเสี่ยงในช่วงนี้” นายคงกระพัน กล่าว

สำหรับแผนธุรกิจของ กลุ่ม ปตท. ดำเนินการด้วยกลยุทธ์ 3 แผน ทั้งระยะสั้น,กลางและระยาวโดย ระยะสั้น ประกอบด้วย ปรับโครงสร้าง Non-Hydrocarbon ซึ่งธุรกิจไหนทำแล้วไม่มีอนาคตก็ออกให้เร็วเพิ่มความคล่องตัวแล้วนำเงิน และเวลาไปทำสิ่งที่ถนัด ,โครงการ D1- Domestic Products Mgmt ซึ่งมีการเพิ่มมูลค่าต่อยอดจากโครงการ P1 สามารถทำกำไรเพิ่มกว่า 3 พันล้านบาทต่อปีภายใน 3 ปี ,นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนผ่านแนวคิด MissionX-Operational Excellence มีเป้าหมายเพิ่ม EBITDA ของกลุ่ม ปตท. ประมาณ 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 และDigital Transformation เพิ่มรายได้กว่า 2 พันล้านบาทต่อปี ภายใน 2 ปี

ระยะกลาง จะทำการ Reshape P&R Portfolio ปรับพอร์ตของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น หาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรงมาเสริมแกร่ง และเดินหน้า LNG Hub เพราะปัจจุบันไทยนำเข้า LNG รวม 10 ล้านตัน ซึ่งมองว่ายังมีดีมานด์ จึงมองว่าธุรกิจเทรดดิ้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างผลกำไรได้หลักแสนล้านบาท โดยจะสร้างคลังแอลเอ็นจีเพิ่มอีกหรือไม่ก็ต้องดูเรื่องการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อสนับสนุนให้อีก 30-40 ปีข้างหน้า


  1. ระยะยาว ปัจจัยด้านความยั่งยืนจะเข้ามาขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งกลุ่มปตท.จะลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี มุ่งไปที่ CCS และ Hydrogen เพื่อให้สามารถแข่งขันในโลกได้ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนผ่านพลังงานลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่ง ปตท.และบริษัทในกลุ่มจะร่วมมือกัน โดยกลุ่ม ปตท.อยู่ระหว่างทบทวนแผนงานเป้าหมาย Carbon Neutrality 2040 และ Net Zero 2050 ใหม่อีกครั้ง ตามบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่เทคโนโลยีนิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือ SMR อยู่ระหว่างศึกษาโดย บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ต่ำสุดที่ 27 บาทจากราคาต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 63 ที่ 26.50 บาท ทั้งนี้ PTT ประกาศจ่ายปันผลประจำปี 67 อัตรา 2.10 บาท/หุ้น จ่ายปันผลระหว่างกาลแล้ว 0.80 บาท/หุ้น คงเหลือจ่ายอีก 1.30 บาท/หุ้น โดยหุ้นขึ้น XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.68 และกำหนดจ่ายเงินวันที่ 29 เม.ย.68 ขณะที่ผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิ 90,072 ล้านบาท ลดลง 19.6% จากปี 66

บล.ฟิลลิป ระบุว่า กลยุทธ์การเติบโตของ PTT จะเน้นธุรกิจหลักหรือธุรกิจพลังงาน ซึ่งการขยายธุรกิจใหม่จะค่อนข้าง conservative มากขึ้น สำหรับประเด็นเรื่องการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น จะเน้นที่การหาพันธมิตรเข้ามาเสริมความสามารถของแต่ละบริษัทในกลุ่ม มุมมองการลงทุน ทางฝ่ายยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 40.00 บาท สำหรับเป็นหุ้นปันผลระยะยาว โดยคาด yield ปี 68 ที่ 4-6%

ด้าน บล.กรุงศรี คงคำแนะนำ Neutral โดยภาพปี 68 ยังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยการฟื้นของธุรกิจก๊าซฯ ถูกดึงลงจากกำไรที่ลดลงของบริษัท ลูก รวมถึงยังมี overhang ความเสี่ยงด้านกฏเกณฑ์ ซึ่งการเจรจากับภาครัฐยังมีความไม่แน่นอน

บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ประเมินว่า PTT ได้รับผลกระทบเชิงลบจากนโยบายราคาก๊าซแบบสองอัตรา (Two tier gas pricing) หรือการขอสนับสนุนเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เพื่อลดค่าไฟฟ้าในครัวเรือน ส่งผลให้ PTT อาจขายก๊าซฯ ในปริมาณที่ลดลง.-514, 511-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย