ทำเนียบฯ 7 ส.ค.- นายกฯ ระบุสถานการณ์น้ำเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เริ่มทรงตัว มีแนวโน้มลดลง เชื่อประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เตรียมรับมือไว้แล้ว ขอทุกคนติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ชื่นชมผู้ว่าฯเพชรบุรี เตรียมการรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญและบริหารจัดการน้ำมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุม คสช.ได้หารือ ถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ส่วนสถานการณ์น้ำที่เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี นั้น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานสถานการณ์และผลการลงพื้นที่เมื่อวานนี้ (6ส.ค.)ให้ได้รับทราบแล้ว เช่นเดียวกับกรมชลประทาน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์และการดูแลประชาชน ขอชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ที่เตรียมการรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดปริมาณนำทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง สามารถระบายน้ำได้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จังหวัดเพชรบุรี ได้รับผลกระทบ เนื่องจากปริมาณน้ำที่สูง ดังนั้น วันพรุ่งนี้ (8ส.ค.) ตนจะลงพื้นที่ติดตามแผนการบริหารจัดการน้ำว่าครบถ้วนหรือไม่ รวมถึงติดตามการบูรณาการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ หากเกิดปริมาณน้ำเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจว่า น้ำที่อยู่ในเขื่อน และล้นสปิลเวย์ ต้องใช้วิธีระบายน้ำออกเท่านั้น จึงต้องไปดูความแข็งแรงของเขื่อนในการรองรับการระบายน้ำ รวมไปถึงพื้นที่ท้ายน้ำ ว่าจะเกิดปัญหาอย่างไรบ้าง เพื่อกำหนดมาตรการรองรับ และเตรียมการในภาคประชาชน ทั้งนี้จากข้อมูล พบว่า บางพื้นที่อาจต้องอพยพประชาชนจากจุดเสี่ยงไปจุดปลอดภัย ที่สำคัญทุกคนต้องติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำฝน และสภาพอากาศทั้งหมดจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ ได้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์แล้ว เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงมรสุม แม้จะมีปริมาณน้ำมากกว่าปกติ แต่รัฐบาลก็บริหารจัดการน้ำอย่างดี ทั้งการตัดน้ำก่อนเข้าเขื่อน กับน้ำที่ระบายลงท้ายเขื่อน พร้อมกับการทำทางระบายน้ำเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นแผนบริหารจัดการ ที่ตรงตามนโยบายที่ให้ไว้ โดยเฉพาะการขยายและขุดทางน้ำตามธรรมชาติ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำและระบายน้ำ หรือ ที่เรียกว่า แก้มลิง นอกจากนี้ยังมีมาตรการชดเชยและส่งเสริมอาชีพให้ประชาชน ที่อยู่ในพื้นที่แก้มลิง แบบเดียวกับที่ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งประชาชนพึงพอใจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำ ต้องคำนึงในทุกมิติ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับในเรื่องของภัยธรรมชาติด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่รัฐบาลต้องหาแนวทางและมาตรการที่ทำให้เกิดความเสียหาย หรือผลกระทบน้อยที่สุด ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงสาเหตุที่แท้จริง และวิธีการรับมือกับสถานการณ์ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ไม่ทำให้เกิดลักษณะของต่างคนต่างแจ้ง เพราะข้อมูลจะสับสนและสร้างความเสียหาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ตนจะลงไปกำชับ เพื่อให้ภาพรวมการแก้ไขเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพ เพราะวันนี้หลายพื้นที่ได้ทำโครงการใหม่ ๆไปแล้ว เช่นที่ แก่งกระจาน มีการขุดคลองระบายน้ำสาย D 9 ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าไปร้อยละ 50 ตนได้สั่งการไปทางรองนายกรัฐมนตรี ให้เปิดการระบายออกด้านข้างด้วย ซึ่งจะสามารถลดปริมาณน้ำได้กว่า 50 ล้านลูกบาศก์เมตร เพราะหากใช้การระบายน้ำจากเขื่อนเพียงอย่างเดียว จะทำให้น้ำท่วมกินพื้นที่กว้าง ทั้งนี้หากการระบายน้ำในพื้นที่ด้านล่างลงสู่ทะเลทำได้ดี สถานการณ์ทุกอย่างก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและวางแนวทางบริหารจัดการน้ำมาตั้งแต่เกิดสถานการณ์.-สำนักข่าวไทย