ลุมพินี ทาวเวอร์ 2 ส.ค. – สภาผู้ส่งออกฯ คาดการณ์ส่งออกทั้งปีโตร้อยละ 8-9 เผย 6 เดือนแรกขยายตัวร้อยละ 10.5 นับว่าดีต่อเนื่อง แต่ยังห่วงสงครามการค้าสหรัฐกับจีนเป็นปัจจัยลบกระทบส่งออก แนะเร่งเจรจาเสรีการค้าหลายเวทีเพิ่มมูลค่าการส่งออก
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีขยายตัวร้อยละ 10.95 นับว่าแนวโน้มการส่งออกโตต่อเนื่อง จึงยังคาดการณ์เป้าหมายส่งออกทั้งปีร้อยละ 8-9 หากต้องการให้ขยายตัวร้อยละ 9 ต้องผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังให้ได้ 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หากขยายตัวร้อยละ 10 ต้องส่งออก 22,500 ล้านดอลาร์สหรัฐต่อเดือน ยอมรับว่าเป้าหมายดังกล่าวอาจหนักและเหนื่อยกว่าเดิม จึงคาดว่าคงไม่เติบโตมากถึงร้อยละ 10 ตามที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ เพราะยังเป็นห่วงเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน เพราะมีกระแสข่าวว่าสหรัฐอาจปรับเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีกรอบ 2 หากสินค้าจากจีนเข้าสหรัฐยังเติบโตสูงต่อเนื่อง สินค้าเกษตรบางรายการยังเผชิญราคาตกต่ำ โดยเฉพาะยางพารา อินโดนีเซียละเมิดข้อตกลงควบคุมปริมาณการกรีดยาง ทำให้อุปทานล้นตลาด ทุเรียนและลำไย ถูกกีดกันทางการค้าจากอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานการส่งออก คาดการณ์ค่าเงินบาท 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (+- 0.5) จากกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศมายังประเทศเกิดใหม่ ยอมรับว่าแนวโน้มค่าเงินบาทยังอ่อนค่าส่งผลให้ผู้ประกอบการเผชิญต้นทุนสูงขึ้น ปัจจัยบวกหนุนการส่งออก เพราะเป็นโอกาสการลงทุนจากสหรัฐเข้าสู่อาเซียนที่เป็นตลาดใหม่มากขึ้น และไทยไม่ถูกกีดกันสินค้าเหล็กจากสหรัฐ การส่งออกยังเป็นเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ญี่ปุ่น สหรัฐ เติบโตได้สูงต่อเนื่อง การส่งออกของไทยกระจายไปตลาดใหม่ การผลักดันการค้า E-Commerce ของรัฐบาลทำให้สินค้าเกษตรทำตลาดได้มากขึ้น
สำหรับข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเร่งเจรจาเปิดเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย -สหภาพยุโรป (EU) เพื่อลดภาษีส่งออกไปยัง EU เนื่องจากสินค้าหลายรายการมีอัตราภาษีสูงกว่าคู่แข่ง เช่น กุ้งแช่เข็งร้อยละ 12 ขณะที่ฟิลิบปิส์ได้รับยกเว้นภาษี น้ำสับปะรดภาษี ร้อยละ 33 ต้องการให้รัฐบาลผลักดันเจรจากาค้าเสรีใหม่ทั้งกลุ่มประเทศ CPTPP, RCEP, EU ให้บรรลูผลสำเร็จ เพราะเป็นเวทีสำคัญต่อการส่งออกของประเทศจะช่วยลดผลกระทบต่อสงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ ควรมีการส่งเสริมใช้สิทธิ์ FTA ของอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าผลไม้ อาหารรองรับผู้สังคมผู้สูงอายุ เพราะไทยใช้สิทธิ์น้อยกว่า 3 ประเทศนำส่งเข้ามาไทยเกินครึ่ง และแนะนำผู้ส่งออกควรใช้อัตราแลกเปลี่ยนท้องถิ่นซื้อขาย เพื่อกระจายความเสี่ยง การเร่งรัดพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยในการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะศูนย์กระจายสินค้าแหลมฉบัง เพราะรัฐบาลขยับเป้าหมายส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย