เปรู 15 พ.ย.-รมว.พาณิชย์ ถก รมช.ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศชิลี เร่งผลักดันกระบวนการแก้ไข FTA ไทย-ชิลี ที่ล้าหลังให้เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน เพื่อความคล่องตัวทางการค้า เผยทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องการจัดประชุมคณะกรรมาธิการการค้าเสรีไทย-ชิลี ครั้งที่ 5 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ธ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11.00 น. (เวลาท้องถิ่นประเทศเปรูซึ่งช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หารือทวิภาคีกับนางเกลาเดีย ซันอูเอซา ริเบโรส รัฐมนตรีช่วยด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของสาธารณรัฐชิลี ณ ศูนย์การประชุม Lima กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู
นายพิชัย เปิดเผยว่า ไทยพร้อมทำงานร่วมกับชิลีอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยได้หารือแนวทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นและครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานภายใต้ FTA ไทย-ชิลี ที่กำลังจะครบรอบ 10 ปี ในเดือนพฤศจิกายน ปีหน้า (พ.ศ. 2568) ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเพื่อเร่งผลักดันกระบวนการแก้ไข FTA ไทย-ชิลี เรื่องการปรับปรุงหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าหรือ ใบCO และการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎเฉพาะรายสินค้าให้เป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการปรับตัวเข้ากับบริบททางการค้าในปัจจุบันและอนาคต สำหรับผู้ประกอบการของทั้งสองฝ่าย
ไทยและชิลียังเห็นพ้องการประชุมคณะกรรมาธิการการค้าเสรีไทย-ชิลี ครั้งที่ 5 ในเดือนธันวาคม 2567 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นการประชุมในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส โดยการประชุมดังกล่าวจะเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยและชิลีจะได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้ FTA ไทย-ชิลี ในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงประเด็นการแก้ไขความตกลงข้างต้น และหารือแนวทางพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยและชิลีอย่างรอบด้าน เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น
ทั้งนี้ การประชุมร่วมกันดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ในกรอบต่างๆ ที่ไทยเป็นภาคีอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับภาคเอกชนไทยในการเข้าสู่ตลาดของประเทศคู่ภาคีต่างๆ ที่ไทยจัดทำ FTA ด้วย รวมไปถึงการเสริมสร้างโอกาสสำหรับความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มบทบาทไทยในเวทีระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน ชิลีเป็นคู่ค้าอันดับที่ 44 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ในภูมิภาคลาตินอเมริกา รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา โดยในปี 2567(ม.ค.-ก.ย.) ไทยและชิลีมีมูลค่าการค้ารวม874.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 3.59 โดยเป็นการส่งออก 351.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปชิลี เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ ทั้งนี้ การนำเข้าของไทยจากชิลีมีมูลค่า 522.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสินค้าสำคัญ เช่น สินแร่โลหะ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ และสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง เป็นต้น
สำหรับการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี (TCFTA) ในปี 2567 (ม.ค.-ก.ค.) มีสัดส่วนการส่งออกที่ใช้สิทธิประโยชน์ฯ ต่อมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับประโยชน์ฯ มากเป็นอันดับ 2 จากความตกลงการค้าเสรีของไทยกับประเทศคู่ค้าทั้งหมด ที่ร้อยละ 97.06 ซึ่งสินค้าส่งออกของไทยที่ได้รับประโยชน์ลำดับต้น ๆ อาทิ รถยนต์และยานยนต์อื่น ๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก และปลาโบนิโต (ชนิดซาร์ดา) ทั้งนี้ มีสัดส่วนการนำเข้าที่ใช้สิทธิประโยชน์ฯ ต่อมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ได้รับประโยชน์ฯ มากเป็นอันดับ 2 เช่นกัน ที่ร้อยละ 78.56 โดยสินค้านำเข้าจากชิลีที่ได้รับประโยชน์ลำดับต้น ๆ เช่น เชอร์รี่อื่น ๆ ไวน์อื่น ๆ ที่ทำจากองุ่นสด และไขมันและน้ำมันของปลา เป็นต้น.-517.-สำนักข่าวไทย