กรุงเทพฯ 30 ก.ค.-ทอท.จับมืออียู ตรวจสินค้าส่งออกร่วมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยใช้มาตรฐานยุโรป
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานบอร์ด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า เมื่อรองรับการการเกิดขึ้นของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี และรองรับการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจาก 3 ท่าอากาศยาน คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานอู่ตะเภา รองรับการเป็นศูนย์การขนส่งสินค้าของภูมิภาคในขนส่งสินค้าไปยังประเทศที่ 3 โดยเฉพะสหภาพยุโรป(อียู)ไม่ต้องถูกตรวจสินค้าส่งออกซ้ำ ทอท.จึงได้เจรจากับสหภาพยุโรป ตั้งองค์กรขึ้นมากำกับดูแลร่วมกันในท่าอากาศยานสุวรรภูมิเฟส 2 โดยทั้งสองฝ่าย จะส่งเจ้าหน้าที่ทั้งด้านเกษตร พาณิชย์ อุตสาหกรรมมาร่วมตรวจสินค้าส่งออกร่วมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยใช้มาตรฐานยุโรป
“ความร่วมมือดังกล่าว หวังลดปัญหาการตรวจสารตกค้าง สินค้าไม่เป็นไปตามข้อกำหนด หากส่งกลับมายังไทยสินค้าสดจะได้รับความเสียหาย เพราะหากตรวจที่สุวรรณภูมิ สินค้าที่ไม่ผ่านสามารถส่งคืนเจ้าของได้ทันที ทอท. จึงได้ขยายพื้นที่เขตฟรีโซนจากเดิม 600 ไร่ เพิ่มเป็น 723 ไร่ คาดว่าไทยและอียูจะลงนามร่วมกันได้ในเร็วๆนี้” นายประสงค์ กล่าว
นอกจากนี้ พ.ร.บ. กรมศุลกากรฉบับใหม่ มาตรา 152 ยังกำหนดเขตปลอดอากรในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา เขตอีอีซี และเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน เช่น อ.แม่สอด ด้วยการกำหนดให้ การนำเข้าสินค้าเข้ามาพักเก็บไว้ในเขตฟรีโซนดังกล่าว ไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากรยื่นสำแดงภาษี เมื่อต้องการนำเข้าสินค้ามาพักไว้ในประเทศไทย จากนั้นนำส่งออกไปยังประเทศที่ 3 หรือประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนำเข้ามาพักไว้จากเดิมต้องขออนุญาตกับหลายหน่วยงาน เพื่อออกใบอนุญาตสินค้าตามพิกัด แต่กฎหมายใหม่จะได้รับการยกเว้น เพื่อเปิดทางให้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศอื่น เว้นแต่จะนำสินค้าจากเขตฟรีโซนไปใช้ในประเทศจึงขออนุญาตและเสียภาษีนำเข้าตามปกติ.-สำนักข่าวไทย