กรมบังคับคดี 25ก.ค.-กยศ.ยื่นขอระงับการบังคับคดี-ขายทอดตลาดทรัพย์ ครูวิภาชั่วคราว เพื่อเร่งสืบทรัพย์ลูกหนี้ ยอมรับกรณีนี้สืบทรัพย์เจอครูวิภาคนเดียว ชี้เป็นกรณีเเรกที่ค้ำถึง 60 คน ด้านครูวิภายังกังวลใจหากสืบทรัพย์ไม่พบ ก็ต้องจ่ายตามกฎหมาย ยื่น 2 ข้อเสนอให้ กยศ.ช่วย
น.ส.วิภา บานเย็น ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร เดินทางเข้าพบนางเพ็ญรวี มาเเสง ผู้อำนวยการกองฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ในฐานะโฆษกกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม เพื่อปรึกษาหารือข้อกฎหมาย ร่วมกับนายปรเมศวร์ สังข์เอี่ยม ผู้อำนวยการฝ่ายคดีเเละบังคับคดีเเละรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหารหนี้ กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) หลังได้รับความเดือดร้อนต้องชำระหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)แทนนักเรียนกว่า 30 คนเพราะได้ลงชื่อค้ำประกันให้เเต่ต่อมานักเรียนทั้งหมดก็ไม่ชำระหนี้ มูลค่าหนี้รวมทั้งหมดเกือบ 1 ล้านบาท
ด้านนายปรเมศวร์ กล่าวภายหลังการหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า กยศ.ได้ยื่นขอระงับการบังคับคดีเเละการขายทอดตลาดทรัพย์ของครูวิภาไว้เป็นการชั่วคราวเพื่อให้คดีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ในชั้นบังคับคดี โดยจะเร่งสืบทรัพย์เเละติดตามอดีตลูกศิษย์หรือผู้ค้ำประกันรายอื่นเพื่ออายัดเงินเดือนหรือนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้คืนให้กับ กยศ.โดยการสืบทรัพย์จะสืบจากที่อยู่เเละเบอร์โทรศัพท์ของลูกหนี้เพื่ออายัดเงินเดือนเเละยึดทรัพย์ เเต่ถึงอย่างไรหากสืบทรัพย์ลูกหนี้รายอื่นไม่ได้ ครูวิภาก็ต้องชำระหนี้ตามกฎหมายตามเดิม ซึ่งที่ผ่านมา กยศ.ยอมรับว่าสืบทรัพย์เจอเเค่ครูวิภาคนเดียว เพื่อให้ครูได้ชำระในส่วนที่ครูค้ำประกัน ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมดของมูลหนี้ที่ศิษย์ไปกู้ยืมมา
ทั้งนี้ พบว่า ลูกหนี้ 60 คนของครูวิภา แบ่งเป็นปิดบัญชีไปเเล้ว 28 คน ครูปิดบัญชีให้ 4 คน ชำระเงินปกติ 6 คน เหลือ 22 คนที่ กยศ.จะเตรียมฟ้องร้องบังคับคดี ส่วนข้อเสนอที่ครูขอให้เปลี่ยนภาระหนี้ไปเป็นของผู้กู้หรือผู้ปกครองเเละข้อเสนออื่น ๆ ต้องรอเข้าบอร์ดกยศ.อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยอมรับว่าครั้งนี้เป็นกรณีเเรกของ กยศ.ที่พบว่าครู 1 คน ค้ำประกันถึง 60 คน ซึ่งเกณฑ์ของกยศ.ที่กำหนดไม่จำกัดจำนวนนั้น ก็คาดว่าครู 1 คนน่าจะค้ำประกันไม่เกิน 2 คน
ด้านน.ส.วิภา กล่าวว่า ยังรู้สึกกังวลใจเพราะหากเจ้าหน้าที่สืบทรัพย์รายอื่นไม่ได้ ก็ต้องกลับมาชำระหนี้ตามเดิม จึงยื่น 2ข้อเสนอให้กับกยศ. ได้แก่ การให้เปลี่ยนภาระหนี้ให้เป็นของผู้กู้หรือผู้ปกครองเเทน เเละหากลูกศิษย์มาชำระต้องให้ระบุว่าจ่ายในส่วนของตนก่อน ซึ่ง กยศ.ก็จะนำไปประชุมอีกครั้ง ทั้งนี้ภายหลังที่เป็นข่าว มีลูกศิษย์ 2 คนโทรมาขอโทษ โดยอ้างว่าไม่คิดว่าจะทำให้ครูลำบากขนาดนี้ และ 1 ใน2 ก็ได้ปิดบัญชีไปเเล้ว ที่ผ่านมาได้ติดต่อไปยังลูกศิษย์ทั้ง 60 คน เเต่ติดต่อได้ไม่ถึง 10 คน ก็รู้สึกเสียใจเพราะความหวังดีของตนที่อยากให้ลูกศิษย์ทุกคนได้เรียนต่อสูงๆ เเต่กลับทำให้ตนลำบาก
สำหรับการช่วยเหลือของครูวิภา เมื่อปี 2541-2542 ได้เซนต์ค้ำประกันให้นักเรียนจำนวน 60 คน เพื่อเป็นทุนการศึกษาเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 โดยหวังให้เด็กมีการศึกษาที่ดี เพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กยากจน โดยในปีดังกล่าวเป็นช่วงเเรก ที่มีการกู้เงิน กยศ. และสามารถค้ำประกันให้เด็กกี่คนก็ได้ แต่ต่อมาในปี 2551 มีหมายศาลเรียกให้ตนไปไกล่เกลี่ย ในการชำระหนี้ และคิดว่าทุกคนจะชำระหนี้หมดแล้ว แต่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคำสั่งบังคับคดียึดบ้านและที่ดินของตน รวมมูลค่า 1,900,000 บาท เพราะนักเรียน 30 คนจาก 60 คนไม่ชำระหนี้ กยศ.รวมเกือบ 1ล้านบาท โดยหลังจากที่ยึดบ้านเเละที่ดิน ตนได้ไถ่คืนแล้วและเบื้องต้นก็ได้ชำระหนี้ให้เด็ก 4 คนไปแล้วรวม 92,000 บาท เหลือต้องเเบกรับภาระหนี้อีก 26 คน มูลหนี้ต่อคนราว 20,000-30,000 บาทเพราะเป็นเงินต้นรวมกับดอกเบี้ย จากยอดเงินกู้ตั้งต้นเพียงรายละประมาณ 10,000 บาท ซึ่งตนก็เครียดว่าจะทำอย่างไรต่อ เพราะกลัวจะเป็นบุคคลล้มละลายเเละขณะนี้ก็ทำธุรกรรมทางการเงินใดๆไม่ได้ ขณะเดียวกันตนได้ยื่นหนังสือถึง กยศ.เพื่อขอให้เปลี่ยนภาระหนี้ไปยังผู้กู้หรือผู้ปกครองเพราะได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวและมรดกมาจ่ายหนี้แทน ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อไปยังลูกศิษย์ แต่กลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่าย จึงอยากขอความเห็นใจในสิ่งที่ช่วยเหลือนักเรียน แต่กลับได้รับความเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เวลา 14.30 น. นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จะจัดเเถลงข่าวในประเด็นดังกล่าวด้วย .-สำนักข่าวไทย