พบผู้ป่วยโรคปอดบวมปีนี้กว่า1.3 แสนรายแล้ว เสียชีวิต 96 ราย

สธ.21ก.ค.-กรมควบคุมโรค เตือนช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ขอให้ประชาชนระวังป่วยด้วยโรคปอดบวม ปีนี้พบผู้ป่วยทั่วประเทศแล้ว 1.3 แสนราย เสียชีวิต 96 ราย ‘กลุ่มเด็กเล็ก-ผู้สูงอายุ’ ป่วยรวมกันกว่า 8.4 หมื่นราย แนะทานอาหารปรุงสุกสะอาด ล้างมือบ่อยๆ พักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงอยู่ในสถานที่คนแออัด ผู้ป่วยสวมใส่หน้ากากอนามัย 


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อากาศร้อนสลับฝนตกและในช่วงฝนตก ทำให้อากาศมีความชื้นสูงขึ้น เชื้อไวรัสและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี อาจทำให้ผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานน้อย เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคปอดบวม กลุ่มเสี่ยงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุ 


จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 9 กรกฎาคม2561 พบผู้ป่วยโรคปอดบวม 131,247 ราย เสียชีวิตแล้ว 96 ราย นอกจากนี้ยังพบในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า5ปี ป่วย 39,962 ราย เสียชีวิต 3 ราย และกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป (กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด) ป่วย 44,195 ราย เสียชีวิตถึง 63 ราย ซึ่งพบผู้ป่วยใน 2 กลุ่มนี้รวม 84,157 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 64 ของผู้ป่วยทั้งหมด 


นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า โรคปอดบวมเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง เกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่น  เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส มักเป็นโรคแทรกซ้อนหลังป่วยไข้หวัดประมาณ 3วัน โดยผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอมีเสมหะ น้ำมูกเปลี่ยนสีจากสีเหลืองเป็นสีเขียวข้น เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบง่าย เด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาจจะมีอาการเหล่านี้ไม่ชัดเจนหรือไม่ครบทุกอย่าง จึงควรให้ความสนใจมากกว่าปกติ เช่น ในผู้สูงอายุอาจจะมีไข้ หรือตัวอุ่นๆ และอาการซึมลง หากมีอาการดังกล่าวขอให้รีบไปพบแพทย์ทันทีจะช่วยลดอาการรุนแรงได้ 

สำหรับการป้องกันโรค คือหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมลภาวะที่เป็นพิษ เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ และหมอกควันอากาศ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่ออากาศเปลี่ยน แปลง เช่น เย็นจัด หรือชื้นจัด หากตัวเองหรือบุคคลใกล้ชิดโดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้พบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนปอดบวมได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง