fbpx

อันตราย…ไขมันทรานส์

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – หลังจากกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศห้ามผลิต นำเข้า จำหน่าย อาหารที่มีไขมันทรานส์ หรือน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เป็นส่วนประกอบ เนื่องจากส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วันข้างหน้า ทำให้เกิดกระแสตื่นตัวในกลุ่มผู้บริโภคอย่างมาก ไขมันทรานส์อันตรายขนาดไหน ติดตามจากรายงาน



นับจากนี้ไปอีก 6 เดือน ประเทศไทยจะปราศจากไขมันทรานส์ หรือไขมันไม่อิ่มตัวชนิดส่งผลเสียต่อร่างกาย หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีผลบังคับใช้ โดยห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เป็นส่วนประกอบของอาหาร ซึ่งมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า กรดไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด


สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า การเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมันพืช เพื่อให้เกิดการแข็งตัว ลดกลิ่นเหม็นหืน ทำให้เก็บได้นานขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เช่น เนยขาว เนยเทียม หรือมาร์การีน มักนำมาประกอบอาหารจำพวกเบเกอรี่ชนิดต่างๆ พัฟฟ์ พาย โดนัท และเวเฟอร์ช็อกโกแลต มีงานวิจัยชัดเจนว่า การบริโภคไขมันทรานส์มีผลร้ายต่อร่างกาย เพิ่มคอเลสเตอรอล ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ไม่ควรบริโภคเกินกว่า 2.2 กรัม/วัน และไม่ควรพบไขมันทรานส์เกิน 0.5 กรัม/หน่วยบริโภค  

ในสหรัฐอเมริกา ประกาศห้ามใช้ไขมันทรานส์ ตั้งแต่ปี 2558 และองค์การอนามัยโลก ประกาศแผนยุทธศาสตร์กำจัดไขมันทรานส์ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมอาหารในอีก 5 ปีข้างหน้า  


กว่าจะมาเป็นประกาศฉบับนี้ อย.ได้หารือกับสถาบันโภชนาการ ม.มหิดล และสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมถึงผู้ประกอบการ 2-3 ปีแล้ว เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค และให้ไทยปลอดไขมันทรานส์ โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า อาหารแปรรูปเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ กว่า 500,000 ราย/ปี

ทั่วโลกเริ่มตระหนักว่า ไขมันทรานส์ อันตรายต่อสุขภาพ การสั่งห้ามผลิตอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ผู้บริโภคเองควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อสุขภาพดีจะได้อยู่คู่กับเราอีกนาน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบภัย

“นายกฯ แพทองธาร” ขอบคุณทุกหน่วยงานระดมช่วยผู้ประสบอุทกภัย หวัง ศปช.รับมือ-ช่วยเหลือรวดเร็วทันท่วงที รวมถึงการเยียวยาหลังจากนี้

ฟื้นฟูชายแดนแม่สาย-เร่งกู้ตลาดสายลมจอย

เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สายที่ถูกน้ำท่วมและจมโคลนมานาน 10 วัน รวมทั้งเร่งกู้ตลาดสายลมจอยแหล่งจำหน่ายสินค้าชายแดนที่เสียหายอย่างหนัก

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553