กรมอุทยานฯ11ก.ค.-กรมอุทยานฯ เตรียมฟื้นฟูระบบนิเวศถ้ำหลวง ติดกล้องวงจรปิดในจุดเสี่ยง ทำสายรัดข้อมือติดตามตัวนักท่องเที่ยวหากเกิดเหตุพลัดหลง
นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า หลังการช่วยเหลือ ทีมหมูป่า 13 ชีวิตที่ติดภายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เสร็จสิ้นลง กรมอุทยานฯ เตรียมเดินหน้าฟื้นฟูระบบนิเวศภายในถ้ำ อย่างเก็บขยะ นำสายไฟและท่อสูบน้ำออกจากถ้ำให้หมด รวมถึงระบบนิเวศน์โดยรอบด้วย ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน
นอกจากนี้ยังเตรียมแผนนำร่องปรับปรุงพัฒนาถ้ำหลวงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีความปลอดภัยป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ โดยการแบ่งเขตการบริหารจัดการให้มีความชัดเจน เพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเฉพาะด้าน ทั้งการนำทาง กูภัย การรักษาเวรยามให้มีมากขึ้น จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเทียว
ส่วนในด้านความปลอดภัย จะติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณแหล่งท่องเที่ยวถ้ำหลวง จำนวน 16 จุดบริเวณขุนน้ำนางนอนจำนวน 16 จุดและบริเวณภายในถ้ำหลวง อีกจำนวน 16 จุด รวม48 จุด โดยจุดที่มีความมืดจะติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบอินฟาเรดและติดตั้งไฟ เพื่อเพิ่มแสงสว่าง ทั้งด้านในและนอกถ้ำ
พร้อมติดตั้งระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน ในลักษณะปุ่มกดตามจุดต่างๆ หากเกิดเหตุพลัดหลง นักท่องเที่ยวสามารถ กดปุ่มนี้เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือมายังศูนย์รักษาความปลอดภัย และยังเตรียมติดตั้งเครื่องวัดน้ำตามลำห้วย เพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำมายังภายในถ้ำ
นอกจากนี้กรมอุทยานฯ ยังมีแผนกำหนดขอบเขตจุดอันตราย จุดห้ามเข้า และควบคุมการเข้าออกของนักท่องเที่ยวเข้มงวดขึ้น และเตรียมปรับปรุงป้านเตือน ขยายเวลาห้ามเข้าถ้ำ จากเดิมที่ห้ามเข้าช่วงเดือน ก.ค.-พ.ย.จะเปลี่ยนเป็น ห้ามเข้าในช่วง พ.ค.-ต.ค.หรือตลอดช่วงที่กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนว่าช่วงไหนเข้าสู่ฤดูฝน ก็จะห้ามนักท่องเที่ยวเข้าถ้ำเด็ดขาด ซึ่งในส่วนนี้จะขยายไปยังถ้ำ 169 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นถ้ำในอุทยานแห่งชาติ 103 แห่งและในวนอุทยาน 66 แห่งและจัดทำทำสายรัดข้อมือ แจกให้กับนักท่องเที่ยวก่อนเข้าถ้ำ เพื่อติดตามตัวนักท่องเที่ยวหากเกิดเหตุพลัดหลง ทั้งเตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ถนนลาดยางแบบมีไหล่ทางและรางน้ำ พัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในถ้ำหลวง ระยะทาง 1,000 เมตรเพิ่มด้วย .-สำนักข่าวไทย