ชลบุรี 24 มิ.ย. – รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมเสนอใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ หลังพบ 19 บริษัท เข้าข่ายความผิดนำเข้าขยะพิษกว่า 500,000 ตัน
เมื่อวานนี้ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกเข้าประเทศไทยว่า ตรวจสอบพบ 19 บริษัท 33 โรงงานที่เข้าข่ายความผิด โดย 15 บริษัทเป็นของนักลงทุนชาวต่างชาติ ส่วนอีก 4 บริษัทใช้คนไทยเป็นนอมินีในการถือหุ้นแทน อีกทั้งยังพบคนไทยช่วยตกแต่งบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงสรรพากร อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ส่วนใหญ่มีนายทุนชาวต่างชาติให้คนไทยถือครองในลักษณะนอมินี ทำให้เอาผิดกับนายทุนต่างชาติได้ยาก ดำเนินคดีได้เฉพาะแต่ผู้ถือหุ้นเท่านั้น จึงเตรียมเสนอใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ หลังมีข้อติดขัดการใช้บังคับใช้กฎหมายของแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดมีความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกจำนวนมากที่ยังตกค้างอยู่ในไทย จะผลักดันให้ส่งกลับยังประเทศต้นทาง โดยบริษัทที่นำเข้าต้องเป็นออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการจับกุมขยะพิษที่นำเข้าไทยอย่างผิดกฎหมายพบมีไม่น้อยกว่า 500,000 ตัน
เมื่อวานนี้ พลตำรวจเอกวิระชัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบบริษัทวันโปรเกรสพาร์ท ในอำเภอบ้านบึง ซึ่งโรงงานมีเนื้อที่ 25 ไร่ ทำการคัดแยกแบตเตอรี่ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ตเก่า และหลอมเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นขยะอันตราย โดยไม่มีระบบกรองอากาศ คัดแยกขยะ รวมถึงบำบัดน้ำเสีย และยังลักลอบนำเศษขยะไปทิ้งปะปนกับขยะชุมชน ซึ่งสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ได้สั่งให้โรงงานดังกล่าว หยุดการเดินเครื่อง ตั้งแต่วันนี้ 27 เมษายน เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะทางอากาศ แต่โรงงานยังลักลอบเดินเครื่องหลอมเม็ดพลาสติก จึงแจ้งดำเนินคดีรวม 5 ข้อหา เช่น มีวัตถุอันตราย ประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีใบอนุญาต ประกอบโรงงานคัดแยกวัตถุอันตราย .- สำนักข่าวไทย