แอมเนสตี้ประเทศไทย ค้านโทษประหาร

แจ้งวัฒนะ19 มิ.ย.-ตัวแทนแอมเนสตี้ประเทศไทย แต่งกายชุดสีดำ สวมหน้ากาก ถือป้ายข้อความแสดงเชิงสัญลักษณ์ วางดอกไม้และเทียน หน้าเรือนจำบางขวาง ไว้อาลัยกับบุคคลที่ถูกประหารชีวิต พร้อมยืนยันจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโทษประหาร 


นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า โทษประหารชีวิตไม่ใช่คำตอบของการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และเรื่องนี้ถือเป็นการละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง ถ้าสังคมไม่ต้องการเห็นความรุนแรง หรือเห็นการเข่นฆ่า ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา ที่ผ่านมาทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมล้วนมีการศึกษาว่าโทษประหารชีวิตไม่สามารถแก้ไขปัญหาอาชญากรรมได้ เรื่องนี้ทำให้รู้สึกผิดหวัง และเสียใจกับการตัดสินใจของรัฐบาลไทยที่ปล่อยให้มีการประหารเกิดขึ้น


นางปิยนุช กล่าวอีกว่า ผ่านมาไม่มีหลักฐานใด ๆ ว่าโทษประหารจะส่งผลให้บุคคลยั้งคิดก่อนกระทำความผิดอย่างชัดเจน การที่ทางการไทยคาดหวังว่ามาตรการเช่นนี้จะช่วยลดการก่ออาชญากรรม จึงเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง โทษประหารนับเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีมากสุด อีกทั้งไม่ได้เป็น คำตอบสำเร็จรูป ที่ช่วยแก้ปัญหาที่ทางการต้องการแก้ไขอย่างรวดเร็ว ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ทางแก้คือต้องย้อนถามกลับไปยังภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัย ที่มีหน้าที่คุ้มครองประชาชน ว่า ปัญหาความรุนแรง ปัญหาอาชญากรรมคืออะไร รัฐได้ใช้วิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ในการดูแล แก้ไขปัญหาเหล่านี้ แล้วสิ่งที่รัฐทำอยู่จะช่วยหยุดยั้งอาชญากรรมได้จริงหรือเปล่าและประชาชนคนไทยช่วยกันขนาดไหน


“การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ได้สนับสนุนผู้กระทำความผิดและสนับสนุนให้มีการลงโทษ แต่ต้องให้คนทำผิดได้รับโทษรับโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นธรรมในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่การประหารชีวิต ที่ผ่านมานักโทษประหารชีวิตมักเป็นคนยากจนที่ไม่สามารถเข้าถึงทนายต่อสู้คดี และบางคดีก็พบว่าไม่ได้กระทำผิดจริง “นางปิยนุช กล่าว

นอกจากนี้สิ่งที่เกิดขึ้น  ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศเพราะมีผลต่อ ปฎิญญาสากล ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่รัฐบาลไทยเคยลงนามไว้เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2552 ซึ่งหากไทยไม่มีการลงโทษประหารชีวิตภายใน 10 ปี  หรือภายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2562 ให้ถือว่าไทยได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตไปโดยปริยาย แต่จากการลงโทษในครั้งนี้ทำให้ข้อตกลงในปฎิญญาสากลต้องตกไปโดยอัตโนมัติและเป็นเรื่องน่าตกใจที่กระทรวงยุติธรรมไทย ละเมิดต่อพันธกิจที่เคยประกาศไว้ว่าจะเดินหน้าไปสู่การยกเลิกโทษประหาร และการปกป้องสิทธิที่จะมีชีวิตรอด อีกทั้งยังเป็นการทำตัวไม่สอดคล้องกับกระแสโลก ซึ่งกำลังมุ่งหน้าออกจากโทษประหาร 

ปัจจุบัน 142 ประเทศหรือมากกว่า 2 ใน 3 ของประเทศทั่วโลกที่ได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว ในอาเซียนมีฟิลิปปินส์และกัมพูชาที่ยกเลิกโทษประหารด้วย แสดงให้เห็นว่าทัศนคติและความเชื่อดั้งเดิมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากนี้แอมเนสตี้ก็จะเดินหน้าเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

5ตัวประกันถึงไทย

5 ตัวประกันถึงไทยแล้ว ปล่อยโฮโผกอดครอบครัว

5 ตัวประกันถึงไทยแล้ว ปล่อยโฮโผเข้ากอดครอบครัวด้วยความดีใจ “ทูตอิสราเอล” ก็มาส่งด้วย น้ำตาคลอคุยครอบครัวตัวประกัน “มาริษ” สัญญาจะนำอีก 1 คน และ 2 ร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือกลับมาให้ได้ ด้าน 1 ในตัวประกัน พูดไม่ออก ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้ได้กลับแผ่นดินแม่

ไทยตอนบนอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ อีสานอากาศเย็นถึงหนาว

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กับมีลมแรง อีสานอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคเหนือ กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และภาคใต้ตอนบน อากาศเย็นตอนเช้า ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่