8 ก.พ.- คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทองคำ หนัก 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายในร้านขายทองของห้างสรรพสินค้าย่านลำลูกกา และจุดทิ้งรถย่านธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี หลังจากคุมตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านบางแค พร้อมของกลางเป็นทองรูปพรรณ จำนวน 58 บาท เงินสด 107,320 บาท ตั๋วรับจำนำ เสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
พลตำรวจโท อัครเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับพลตำรวจโทสุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 และฝ่ายสืบสวนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงผลจับกุม ผู้ต้องหา
พลตำรวจโทสุรพล เปิดเผยว่าจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาใช้ยานพาหนะเดินทางมาทำงานในย่านจังหวัดปทุมธานี เนื่องจากมีเพื่อนอยู่ในย่านที่เกิดเหตุ ก่อนลงมือได้เดินทางมาสำรวจจุดที่ตั้งของร้านขายทอง จำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยและเส้นทางการหลบหนี โดยนำรถจักรยานยนต์ไปทิ้งลงคลองย่านธัญบุรี และแฝงตัวตามชุมชนต่าง ๆ ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด รวมถึงตัดผม เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำรวจติดตามตัว
ระหว่างหลบหนีได้นำทองบางส่วนไปจำนำ หลอมเป็นทองก้อน แบ่งให้เพื่อนอีกสองคนและส่งผ่านพัสดุไปให้กับภรรยาที่อยู่ในจังหวัดสงขลา เพื่อไม่ให้มีของกลางติดตัวจำนวนมาก ซึ่งทางผู้ต้องหาได้ติดต่อไปยังภรรยาขอเงินจำนวน 10,000 บาท เพื่อมาซื้ออุปกรณ์ในการหลอมทอง และเสื้อผ้าในการแปลงโฉม
ขณะเดียวกันผู้ต้องหายังให้การว่าตัวเองลงมือก่อเหตุเนื่องจากต้องการใช้เงินเป็นจำนวนมาก และสาเหตุที่เดินทางมาก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพราะตั้งใจเดินทางมาเนื่องจากเกรงว่าหากก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิดจะมีคนจำใจใบหน้า และตำรวจติดตามตัวได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ต้องหายังให้การว่าเคยเดินทางไปเล่นการพนันที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา อีกทั้งยังระบุว่า หลังก่อเหตุจะเดินทางข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง จึงเชื่อได้ว่าอาจจะนำเงินที่ก่อเหตุไปใช้สำหรับเล่นพนัน โดยหลังจากทำแผน ประกอบคำรับสารภาพแล้วเสร็จจะคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลธัญบุรีภายในวันนี้ .-สำนักข่าวไทย