กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – กบง.บริหารจัดการราคาพลังงานผ่านกองทุนน้ำมันฯ โดยเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เพิ่มทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลบี 7 เพื่อคงระดับเงินกองทุนฯ 3 หมื่นล้านบาท ดูแลดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตรจนถึงสิ้นปี และรักษาระดับรายได้ภาครัฐ แม้หนุนบี 20 เผยภาษีดีเซลสร้างรายได้รัฐ 1.3 แสนล้านบาท/ปี พร้อมประกาศตรึงแอลพีจี 363 บาท/ถัง 15 กก. ส่วนหาบเร่แผงลอย-ผู้มีรายได้น้อยเฮ ได้ราคาลดลง โดยให้ ปตท.ควัก 250 ล้านบาทอุดหนุน
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมามีมติ เรื่องดูแลราคาพลังงาน โดยในส่วนของราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี จะให้คงราคาที่ 363 บาท/ถังขนาด 15 กก.อย่างต่อเนื่อง เพราะคาดว่าราคาแอลพีจีตลาดโลกอาจจะปรับลดลง และในส่วนของหาบเร่แผงลอย รวมถึงครัวเรือนผู้มีรายได้น้อยก็จะให้ลดราคาจาก 363 บาท/ถัง คงเหลือเป็น 325 บาท/ถัง 15 กก. ไปจนถึงสิ้นปี 2561 โดยทาง บมจ.ปตท.เข้ามาร่วมรับภาระเพิ่มอีก 250 ล้านบาท จากเดิม 500 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเท่ากับว่า ปตท.เข้ามาอุดหนุนในส่วนนี้เดือนละ 49 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าจะลดภาระผู้บริโภค โดยในส่วนนี้มีการใช้แอลพีจีประมาณ 11 ล้านกิโลกรัม แยกเป็นครัวเรือนรายได้น้อย 7.57 ล้านครัวเรือน และหาบเร่แผงลอย 395,544 ร้านค้า
นายทวารัฐ กล่าวว่า ในส่วนการดูแลแอลพีจี 363 บาท/ถัง ขนาด 15 กก. หากเปรียบเทียบกับราคาตลาดโลกปัจจุบันที่ 540 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันแล้ว หากราคาไม่ลดลง เงินกองทุนน้ำมันบัญชีแอลพีจีจะไหลออกหรือติดลบ เพราะการอุดหนุนประมาณ 346 ล้านบาท/เดือน ขณะที่บัญชีแอลพีจี ณ.วันที่ 10 มิถุนายน มีเงินอยู่ที่ 392 ล้านบาท ดังนั้น บัญชีมีแนวโน้มอาจจะติดลบ ซึ่งกระทรวงฯ กำลังพิจารณาแนวทางดูแลหลายแนวทาง เช่น การใช้เงินบัญชีน้ำมันมาร่วมดูแล เพราะปัจจุบันมีเงินอยู่ที่ประมาณ 30,305 ล้านบาท หรือใช้แนวทางเหมือนในอดีต ซึ่งการกู้ยืมหรือการชะลอการจ่ายเงินให้ล่าช้าลง โดยขอให้มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กบง.ยังเห็นชอบปรับปรุงการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อเป้าหมายให้มีเงินในระดับ 30,000 ล้านบาทต่อเนื่อง ในการรักษาเสถียรราคาน้ำมันไม่ให้ผันผวน ซึ่งการปรับเปลี่ยนไม่มีผลต่อราคาขายปลีก เนื่องจากเป็นการปรับค่าการตลาดให้เหมาะสม โดยในส่วนของกลุ่มเบนซินมีการปรับเปลี่ยนทั้งเพิ่มและลด 37 สตางค์/ลิตร มีผลแล้วตั้งแต่วานนี้ (11 มิ.ย.) โดยเบนซิน 95 เก็บเพิ่มจาก 6.31 บาท เป็น 6.68 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ปรับเพิ่มจาก 0.35 บาท เป็น 0.72 บาท/ลิตร อี 20 ลดการอุดหนุนจาก 3 บาทเหลือ 2.63 บาทต่อลิตร อี 85 ลดการอุดหนุนจาก 9.35 บาทเป็น 8.98 บาท/ลิตร
กบง.ยังเห็นชอบสนับสนุนไบโอดีเซล บี 20 ให้มีราคาต่ำ บี 7 ในสัดส่วน 3 บาทต่อลิตร เพื่อให้ช่วยลดภาระต้นทุนค่าบริการขนส่งและค่าโดยสารสาธารณะบนหลักการรายได้ของภาครัฐไม่ลดลง จากปัจจุบันกรมสรรพสามิตเก็บรายได้จากดีเซล 11,000 ล้านบาท/เดือน หรือ 130,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งหลักการเหล่านี้จะต้องเสนอ ครม.เห็นชอบในการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเสียก่อน โดยอัตราภาษีกำหนดภาษี บี 20 ที่ 5.1523 บาท/ลิตร และเก็บเพิ่มภาษีบี 7 อีก 14 สตางค์ จาก 5.85 บาท/ลิตร เป็น 5.9895 บาท/ลิตร และเพื่อไม่ให้มีผลต่อราคาน้ำมันบี 7 เงินกองทุนน้ำมันฯ จะเข้ามาชดเชยอัตราประมาณ 0.14 บาท/ลิตร จากปัจจุบันจัดเก็บอยู่ที่ 0.01 บาท/ลิตร
“เหตุผลสำคัญในการดำเนินการครั้งนี้ เพื่อหยุดการใช้เงินกองทุนในการชดเชยราคาแก๊สโซฮอลอี 20 และอี85 ซึ่งที่ผ่านมากองทุนยังมีการชดเชยอยู่ 341 ล้านบาท/เดือน ทั้งนี้ เพื่อสำรองเงินคงเหลือสุทธิ 30,376 ล้านบาท ใช้กองทุนเพื่ออุดหนุนราคาบี 20 และรักษาเสถียรภาพราคาดีเซลให้อยู่ในระดับ 30 บาท/ลิตร ตลอดปี” นายทวารัฐ กล่าว.-สำนักข่าวไทย