กทม.6 มิ.ย.- ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับทางการเศรษฐกิจมาเลเซีย บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “เฉินหยวนไข่” พบคนไทยร่วมมือกับแก๊งเป็นพนักงานรับโทรศัพท์ 10 คน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาเลเซีย บุกเข้าบ้านพัก บนเนินเขา ย่านถนนมารี พิทเช รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย หลังสืบทราบว่าเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่าย นายเฉิน หยวน ไข่ ชาวไต้หวัน ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการประกันตัว ตั้งแต่ ปี 2560 มาเปิดศูนย์สั่งการเพิ่มเติมนอกเหนือจากประเทศกัมพูชาซึ่งถูกทลายไปก่อนหน้านี้ โดยมีนายปั๊กเป้า ชาวไต้หวันเป็นหัวหน้า
จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบแบ่งออกเป็นห้องๆ มีโต๊ะ ฉากกั้นเสียง พร้อมอุปกรณ์สื่อสารทั้ง คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้งาน, สมุดบัญชีธนาคาร นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อที่กำหนดไว้ เช่น จากหน่วยปราบปรามยาเสพติด หน่วยปราบปรามการฟอกเงิน ไปจนถึงศาล
นอกจากนั้นยังพบคนไทย 10 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์หาเหยื่อปลายทางในประเทศไทย และมีชายชาวไต้หวัน 2 คน ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมและสั่งการ ในการหลอกลวงเหยื่อตามกลุ่มเป้าหมายที่ถูกสั่งจากนายปั๊กเป้า ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ชาวไต้หวัน ซึ่งแก๊งนี้เริ่มปฏิบัติการหลอกลวงคนไทยเป็นเวลา 1 เดือนเศษ มีเหยื่อหลงกลโอนเงินให้แล้วกว่า 4 แสนบาท
ขณะที่กลุ่มคนไทย ก็ยังคงปฏิเสธ และอ้างว่า ถูกหลอกมาทำงาน โดยหนึ่งในคนไทย ซึ่งเป็นทีมงานคอลเซ็นเตอร์ ที่เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา และ สุโขทัย อ้างว่า รู้แค่มาทำงาน แต่ไม่รู้ว่าคอลเซ็นเตอร์
ด้านพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า สำหรับการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศมาเลเซียครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้เป็นแก๊งตั้งใหม่ที่พยายามย้ายศูนย์เพื่อหลบหนีการตรวจสอบ แต่เทคนิคหรือวิธีการ ยังเป็นแบบเดิม โดนก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าทลาย 1 ใน 10 คนไทย หลบหนีออกมาได้ก่อน โดยมุ่งหน้ากลับไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่ถูกตำรวจรวบตัวได้ พร้อมระบุว่าการทำงานปราบปรามระหว่างประเทศ ครั้งที่ 3 ในมาเลเซีย ได้รับการยอมรับและตอบสนองจากทางการมาเลเซียมาก ไม่เพียงจะช่วยตามรอยเบาะแสและพิกัดที่ตั้ง ยังให้ตำรวจท่องเที่ยวของไทย พร้อมชุดสายสืบเข้าร่วมจับกุมด้วย ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง วันเวิลด์ วันทีม หรือตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย