บัลแกเรีย 31 พ.ค.-ตามเมืองใหญ่ของบัลแกเรีย รวมทั้ง กรุงโซเฟีย กำลังเผชิญกับระดับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก บางเมืองมีระดับมลพิษสูงที่สุดในยุโรป ปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหา คือ รถยนต์เก่าที่ใช้น้ำมันดีเซล
เมื่อปีที่ผ่านมา บัลแกเรีย นำเข้ารถยนต์มือสองถึงกว่า 1 แสนคัน ในจำนวนนี้กว่า 1 ใน 3 หรือราว 35,000 คัน เป็นรถยนต์ดีเซลที่ก่อปัญหามลพิษ รายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป ระบุว่า บัลแกเรีย เป็นประเทศที่มีฝุ่นพิษในอากาศเกินมาตรฐานมากที่สุดอันดับ 8 ของยุโรป และเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า บัลแกเรียมีระดับฝุ่นพิษมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ บางวันมีมลพิษในอากาศเกินกว่ามาตรฐานถึง 6 เท่าตัว
ชาวบัลแกเรียนส่วนใหญ่ จะซื้อรถยนต์มือสองที่นำเข้าจากยุโรปตะวันตก ส่วนใหญ่เป็นรถที่ไม่ผ่านกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมใหม่ แต่กลับส่งมาขายในยุโรปตะวันออก กรุงโซเฟีย เป็นตลาดรถมือสองใหญ่ที่สุดของบัลแกเรีย รถส่วนใหญ่นำเข้ามาจากอิตาลี เยอรมนี และ ฝรั่งเศส รถยนต์มือสองเหล่านี้มีอายุมากกว่า 10 ปี และเป็นรถยนต์ที่ไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์กรองฝุ่นควันพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล
นายฮาริสโต ฮาริตอฟ ประธานสมาคมผู้นำเข้ารถยนต์ของบัลแกเรีย บอกว่า บัลแกเรียเป็นประเทศยากจนที่สุดในสหภาพยุโรป ผู้คนจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในการซื้อรถใหม่ แต่จะดูกันที่ราคามากกว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการรถยนต์บัลแกเรียน มองว่า การแก้ปัญหารถยนต์ที่ก่อมลพิษ จะต้องแก้ที่ระบบภาษี ให้รถยนต์ใหม่เสียภาษีในอัตราที่น้อยกว่ารถยนต์เก่า หากทำได้ ก็จะทำให้ชาวบัลแกเรีย หันไปซื้อรถยนต์ใหม่ที่ไม่ก่อมลพิษมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย