กรุงเทพฯ 21 พ.ค. – คณะกรรมการชั่วคราวสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟเจรจาสหกรณ์เจ้าหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้พร้อมผ่อนปรนการชำระหนี้บางส่วนและลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟมีสภาพคล่องดำเนินกิจการต่อไปได้
นายณรงค์พล พัฒนศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 กรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมการชั่วคราวสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ได้ผลสรุปร่วมกับสหกรณ์เจ้าหนี้ทั้ง 15 แห่ง ถึงแผนการชำระหนี้เงินกู้และจ่ายคืนเงินฝาก จากการเจรจาถึง 4 ครั้งในเดือนเมษายน สหกรณ์เจ้าหนี้ได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกสัญญาลงร้อยละ 1 พร้อมยินยอมให้กำหนดดอกเบี้ยเงินฝากประเภทออมทรัพย์ทุกบัญชีในอัตราร้อยละ 4 และผ่อนปรนการชำระหนี้เงินกู้ในช่วง 2 – 3 เดือนแรก เพื่อให้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟนำเงินส่วนนี้ไปเสริมสภาพคล่องที่จะสามารถจ่ายเงินกู้ให้กับสมาชิกที่เดือดร้อนและยื่นคำขอกู้เงินรออยู่แล้วได้ ซึ่งสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟต้องไปจัดทำแผนนำเสนอเจ้าหนี้แต่ละรายให้ทันสิ้นเดือนพฤษภาคม 2561 และจะประเมินผลทุก 3 เดือน รวมทั้งเมื่อแผนดำเนินไปครบ 1 ปี ให้มีการพิจารณาทบทวนแผนร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
นายณรงค์พล กล่าวต่อไปว่า ในส่วนเจ้าหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟอีก 2 แห่ง ที่เป็นสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด และธนาคารกรุงเทพ จำกัด นั้น คณะกรรมการชั่วคราวของสหกรณ์ฯ ได้เข้าพบเจรจาเพื่อขอผ่อนปรนการชำระหนี้แล้ว มีแนวโน้มที่เป็นไปด้วยดี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า
สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ที่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายของสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟในส่วนคดีอาญา รองนายทะเบียนสหกรณ์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อคณะกรรมการฯ ชุดที่ 7 – 11 แทนสหกรณ์ไว้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวนของ สน.บางรัก และ สน.ปทุมวัน โดยคณะกรรมการชั่วคราวได้แต่งตั้งผู้แทนสหกรณ์ ฯ ตามข้อบังคับฯ เพื่อไปดำเนินการทางคดีนี้ต่อไปแล้ว ส่วนคดีแพ่งที่ต้องรับผิดทางละเมิด รองนายทะเบียนสหกรณ์ได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะกรรมการฯ ชุดที่ 7 – 11 เช่นเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการของสำนักงานอัยการสูงสุด และในส่วนของการเรียกเงินกู้คืนจากสมาชิกผู้กู้ 6 ราย ที่ผิดสัญญาชำระหนี้แล้วทั้ง 199 สัญญา วงเงินกว่า 2,200 ล้านบาท ขณะนี้คณะกรรมการชั่วคราวกำลังดำเนินการจัดจ้างทนายความเพื่อฟ้องร้องคดีเรียกหนี้คืนแล้ว
สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 ยังได้รับการประสานงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงพร้อมทั้งเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วด้วย.-สำนักข่าวไทย