กรุงเทพฯ 2 พ.ค. – รมว.เกษตรฯ ย้ำเจ้าหน้าที่ต้องดูแลเกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.ให้สามารถสร้างอาชีพ รายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตดีขึ้น ควบคู่กับการจัดที่ดินทำกิน
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมรับฟังบรรยายสรุปภารกิจ แผนงานและผลงานที่สำคัญของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พร้อมทั้งมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ ว่า พื้นที่ประเทศไทยมีประมาณ 320.7 ล้านไร่ แบ่งเป็นที่ดินเอกชนร้อยละ 40 และที่ดินรัฐร้อยละ 60 ซึ่งเป็นที่ดินเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก) ประมาณ 40 ล้านไร่ หรือร้อยละ 12.5 ในส่วนนี้ได้จัดที่ดินแล้ว 35.84 ล้านไร่ เกษตรกร 2.82 ล้านราย โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลอาชีพ รายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรจำนวนนี้ว่าปัจจุบันมีความเป็นอยู่อย่างไร พร้อมทั้งตรวจสอบว่าปฏิบัติตามเงื่อนไขของกฎหมายหรือไม่ หากขาดคุณสมบัติจะต้องนำมาจัดสรรใหม่ นอกจากนี้ ต้องดำเนินงานตามนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนของรัฐบาล หรือคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยการส่งเสริมพัฒนาอาชีพตามศักยภาพของพื้นที่
สำหรับกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมปีงบประมาณ 2561 วงเงิน 3,800 ล้านบาทนั้น ให้ศึกษาดูว่าเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายโดยสามารถนำมาจัดซื้อ หรือเช่าที่ดินเพื่อจัดสรรได้อีกจำนวนเท่าไร ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุม จึงต้องบูรณาการร่วมกับจังหวัดผ่านกลไกขับเคลื่อนของคณะอนุกรรมการพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ (อพก.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
“ส.ป.ก.ต้องดูแลเกษตรกรและพัฒนาอาชีพควบคู่กับการจัดที่ดินทำกิน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดที่ได้รับพระราชทานที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี 2518 ได้แก่ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และนครนายก รวมพื้นที่ 44,000 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปช่วยดูแลพัฒนาอาชีพ รายได้ และความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นได้อย่างไร” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย