fbpx

“ปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น”รายงานตัวศาลดีใจอัยการโยนสำนวนให้ ป.ป.ช.ชี้มูล

กรุงเทพฯ  19 เม.ย.- “ปรีชา-เจ๊บ้าบิ่น”รายงานตัวต่อศาลหลังครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย ดีใจที่อัยการโยนสำนวนให้ ป.ป.ช.ชี้มูล เตรียมร้องขอความเป็นธรรมพร้อมยื่นหลักฐานใหม่ให้ ป.ป.ช.พิจารณา 


นายปรีชา ใคร่ครวญ  และนางรัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ผู้ต้องหาแจ้งความเท็จ และให้การสนับสนุนเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีล๊อตเตอรี่ 30 ล้านบาท ที่จังหวัดกาญจนบุรี เข้ารายงานตัวต่อศาลอาญา ถนนรัชดา หลังครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้าย พร้อมรับทราบคำสั่งอัยการกรณีส่งสำนวนกลับไปยังกองปราบปราม เพื่อให้พนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด เนื่องจากคณะทำงานของอัยการเห็นว่าคดีที่ครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ตกเป็นผู้ต้องหาฐานให้การเท็จและสนับสนุนเจ้าพนักงาน พลตำรวจตรีสุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ถือเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นควรรวมสำนวนให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้ขาด 

อย่างไรก็ตามหลังทั้ง 2 คนรับทราบคำสั่ง ครูปรีชา พร้อมทนายความออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนว่ารู้สึกดีใจมาก และขอบคุณอัยการที่มีความเห็น พร้อมออกคำสั่งให้ตำรวจกองปราบปรามส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา เพราะเชื่อว่าหลังคดีเข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช. ความจริงจะเปิดเผยในไม่ช้าว่าใครผิดถูก หลังจากนี้จะยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมพร้อมมอบหลักฐานใหม่เพิ่มเติม ต่อ ป.ป.ช. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา


ทั้งนี้ครูปรีชา ยังตงยืนยันว่า ล๊อตเตอรี่ 30 ล้านบาท เป็นของตน และไม่ได้สนับสนุนให้พลตำรวจตรีสุทธิกระทำผิด เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้พูดคุยกันครั้งแรกในวันที่ไปพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับล๊อตเตอรี่เท่านั้น อีกทั้งไม่เคยให้การเท็จ และไม่ได้กลั่นแกล้งใครตามที่ถูกกล่าวหา 

อย่างไรก็ตาม ตนเตรียมเขียนหนังสือชื่อว่า” คำพิพากษาของสังคม “ เนื้อหาจากคดีดังกล่าว โดยเริ่มเขียนตั้งแต่เดินขึ้นโรงพัก เพื่อแจ้งความ จนเข้าสู่คดีความในชั้นศาล เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับประชานชนที่สนใจ.-สำนักข่าวไทย

ด้าน นายวรยุทธ์ บุญวงไสย ทนายความ ระบุว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าไม่เชื่อมั่นในการทำงานของกองปราบปราม เพราะสำนวนขัดแย้งกับตำรวจภูธรภาค 7 อย่างสิ้นเชิง เมื่ออัยการมีคำสั่งให้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งหลังจากนี้จะเตรียมพยานหลักฐาน พยานบุคคล และพยานเอกสาร ส่งให้ ป.ป.ช. ประกอบการพิจารณา.-สำนักข่าวไทย


        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย