ศาลรัฐธรรมนูญ 30 ก.ย. – “จรัญ” ยืนยันศาลรัฐธรรมนูญไม่ตีความเกินเหตุ กรณีการปรับแก้รัฐธรรมนูญตามคำถามพ่วง ระบุเพิ่มอำนาจ ส.ว. ร่วมขอยกเว้นเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากบัญชีพรรค เพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหา ไม่ได้เปิดทางนายกฯ คนนอก
นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สั่งให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ไปแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับคำถามพ่วง ว่า เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ว่าร่างรัฐธรรมนูญชอบด้วยกับผลการออกเสียงประชามติแล้วหรือไม่ จึงไม่มีประเด็นว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินคำขอ เพราะศาลรัฐธรรมนูญมิได้วินิจฉัยตามคำขอของใคร แต่วินิจฉัยตามกรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นแตกต่างไปจาก กรธ. และส่งกลับไปให้แก้ไขให้สอดคล้องกับคำถามพ่วง
นายจรัญ กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามี 2 ประเด็น คือ 1.ในร่างของ กรธ. ระบุถึงกำหนดเรื่องที่ให้สมาชิกรัฐสภาในวาระเริ่มแรกนับตั้งแต่มี ส.ส. ซึ่งไม่ตรงกับวรรคแรกของคำถามพ่วงที่เขียนไว้ว่า “ในระหว่างห้าปีแรกนับจากมีรัฐสภา” ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ว่าต้องใช้กรอบเวลาเดียวกัน ไม่เช่นนั้นจะขัดแย้งกันหมด จึงขอให้มีการแก้ไขเรื่องกำหนดเวลาและการเริ่มนับเวลาให้ตรงกับคำถามพ่วง ไม่ใช่วาระเริ่มแรกนับตั้งแต่มี ส.ส. เพราะวาระเริ่มแรกหมายถึงครั้งเดียวหลังเลือกตั้ง ส.ส. จึงทำให้เกิดข้อคิดว่าถ้าตั้งนายกฯ ไปครั้งหนึ่งหลังจากนั้น นายกฯลาออก หรือมีเหตุให้เปลี่ยนรัฐบาลต้องตั้งนายกฯใหม่ก็ยังอยู่ใน 5 ปีแรก ตามผลออกเสียงประชามติของประชาชน แต่เกิดข้อติดขัดไม่สามารถเลือกคนจากบัญชีรายชื่อได้ แล้วจะขอยกเว้นเพื่อปลดล็อค ตามมาตรา 272 วรรคสองก็จะทำไม่ได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลการออกเสียงประชามติ
“ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่ให้ตรวจสอบตามคำขอของ กรธ. หรือตามคำขอของใคร ดังนั้นจะมีคำขอหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบพบว่าไม่สอดคล้องกับผลออกเสียงประชามติ ก็ต้องแก้ให้ถูกต้อง เพราะไม่ใช่การไปใช้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ไม่ให้พิพากษาเกินคำขอ มันคนละระบบ จึงต้องตัดประเด็นเรื่องคำขอไปเลย” นายจรัญ กล่าว
นายจรัญ กล่าวอีกว่า ในประเด็นที่ 2 ที่ศาลรัฐธรรมนูญให้แก้ไขคือ การเข้าชื่อขอยกเว้นการเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อ ซึ่งกรธ.เห็นว่าให้เป็นเรื่องของ ส.ส.เข้าชื่อกัน แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมในการเข้าชื่อด้วย เพราะเป็นผู้มีส่วนร่วมในการอนุมัติยกเว้น ก็ควรให้สมาชิกของรัฐสภาร่วมกันทำ เพื่อประโยชน์ในการแก้ปัญหาประเทศในกรณีที่ไม่สามารถแต่งตั้งคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อได้ตามมาตรา 272 วรรคหนึ่ง โดยไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของส.ส.ที่มีอยู่เดิม ส่วนการเสนอชื่อนายกฯ ก็ยังให้เป็นอำนาจของส.ส.ตามรัฐธรรมนูญบทหลักในมาตรา 159
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นการเปิดทางให้มีนายกฯคนนอกนั้น นายจรัญ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะส.ส.ต้องเสนอชื่อคนจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งอย่างน้อยน่าจะมี 3 พรรคที่ได้คะแนนเสียงเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ในสภา เท่ากับมี 9 คน แต่ถ้าติดล็อคว่าที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นชอบก็เท่ากับว่าต้องเลือก 9 รอบ จาก 9 คน ดังนั้น จะปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะอย่างนั้นนาน ๆ ก็อันตราย และไม่มีทฤษฎีใดที่จะสำคัญไปกว่าความมั่นคงอยู่รอดของประเทศชาติ ศาลรัฐธรรมนูญจึงแก้ไขให้ ส.ว.มีส่วนร่วมในการเข้าชื่อเสนอขอยกเว้นนายกฯ จากบัญชีรายชื่อได้ด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ตัดสิทธิ ส.ส.
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า กรธ.บางคนอยากพบกับศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอความชัดเจนในการปรับแก้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ตนไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการพบกันระหว่างตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกับ กรธ.หรือไม่เพราะเรื่องนี้เป็นมติร่วมกันขององค์คณะทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย