ม.ธรรมศาสตร์ 24 พ.ย.- “สนธิ” บอกคดี ”หมอบุญ” เหมือนแชร์ลูกโซ่ เปรียบ “บอสพอล-บอสบุญ” แนะจัดการโบรกเกอร์ฐานแนะนำนักลงทุน ชี้คดี “ทนายตั้ม” ประกาศสู้สุดฤทธิ์ในคดีฉ้อโกง เพราะเหลือแค่ทางเดียว แต่มั่นใจในหลักฐาน รอพิสูจน์ความจริง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการและเจ้าของรายการสนธิทอล์ค กล่าวถึงกรณีนายแพทย์บุญ วนาสิน หรือหมอบุญ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ถูกออกหมายจับข้อหาฉ้อโกง สมคบกันฟอกเงิน มีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นว่า กรณีนี้เป็นแชร์ลูกโซ่อีกแบบหนึ่ง จากบอสพอลมาเป็นบอสบุญ คนที่สมควรโดนมากที่สุดคือโบรกเกอร์ เพราะต้องการค่าคอมมิชชั่น ตามโปรเจกต์ของหมอบุญซึ่งเป็นโปรเจกต์ที่เลื่อนลอย ฝันเฟื่อง เป็นปราสาททรายอยู่ในทะเล เอาไปขายประชาชน โดยคนถือหุ้นที่ซื้อเพราะเป็นหมอบุญ โดยไม่ได้ศึกษาว่าไม่ได้ต่างจากคนที่ฉ้อโกงหลอกลวงคน
ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ที่ต้องดูคือการใช้ภรรยาตัวเอง ลูกสาวตัวเอง อดีตลูกสะใภ้ เซ็นเอกสาร โดยหมอบุญเซ็นอยู่คนเดียว ตนจะขอแนะนำตำรวจว่าถ้าจะเล่นกลุ่มแรกคือกลุ่มโบรกเกอร์ เพราะเหมือนเป็นแม่ข่าย ถ้าไม่มีโบรกเกอร์ คนที่จะมาลงทุนได้อย่างไร มีการนำเสนอโครงการว่าดีและมีการให้ดอกเบี้ย หมอบุญให้ 10% ดังนั้น กรณีนี้อย่าไปดูลึกซึ้ง เพราะมันคือขบวนการแชร์ลูกโซ่ที่ทำโดยหมอ และคนที่ถูกหลอกโดยส่วนใหญ่ก็คือหมอทั้งนั้น แต่ไม่ทราบว่ามีถึงขั้นเจ้าสัวหรือไม่
ส่วนที่หมอบุญออกมายอมรับว่าทำผิด นายสนธิ มองว่า เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่อยู่ในประเทศจีน จึงไม่ได้สนใจใครทั้งสิ้น ส่วนหมอบุญจะกลับจากจีนหรือไม่ตนไม่รู้ ตอบไม่ได้
“หมอบุญ อายุ 86 ปี จบแพทย์มหิดล ไปเรียนต่างประเทศ โรงเรียนแพทย์อันดบ 1 ของอเมริกา ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ได้ และขอให้อย่าลืมวีรกรรมหมอบุญตั้งแต่สมัยวัคซีน ปั่นข่าวเพื่อให้หุ้นตัวเองขึ้น บอกว่าเป็นเอเย่นต์วัคซีนไฟเซอร์ พอคนหลงไปซื้อ หุ้นโรงพยาบาลขึ้นเอาขึ้นเอา ก็บอกว่าตกลงกันไม่ได้ ถ้าต้องโทษก็ต้องโทษหน่วยงานรัฐที่ไม่จริงใจ สรุปง่ายๆ วันนี้ประเทศไทยจะจบหมอมหิดล จบเฉพาะทาง หรือจะเป็นอย่างทนายตั้ม คนถ้ามันจะเลวแล้วมันไม่มีแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีแบ่งวุฒิภาวะ สันดานจะเลวก็เลวทุกคน” นายสนธิ กล่าว
เมื่อถามถึงกณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ยืนยันจะสู้สุดฤทธิ์ในคดีฉ้อโกง นายสนธิมองว่าเป็นทางเดียวที่จะต้องสู้ แต่จะสู้ได้มากน้อยแค่ไหนตนมั่นใจในหลักฐานที่ตำรวจเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว จะสู้ได้มากน้อยแค่ไหนต้องจับตาดูที่อัยการและศาล และดูว่าเจ้าหน้าที่สอบสวนมั่นใจ ตนจึงมีหน้าที่อย่างเดียวที่จะทำความจริงให้ปรากฏ ทนายตั้มต้องรอพิสูจน์ความจริง
ส่วนหลังจากนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลใครอีกหรือไม่ นายสนธิ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ยอมรับว่ามีข้อมูลเยอะ แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็จะไม่พูด.-319-สำนักข่าวไทย