สมุทรสาคร 30 ก.ย.-นักเรียน ม.6 ลูกชายขอความช่วยเหลือจากทนายความ ให้ช่วยติดตามคดีรถเก๋งชนพ่อวัย 44 อาการสาหัสแล้วหนี แจ้งความแล้วคดีไม่คืบหน้า
นายสัตยา แก้วจันดา อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสมุทรสาครวุฒิชัย ได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายประชาชน เพื่อขอให้ช่วยตามหาคนร้าย ที่ขับรถยนต์ชนนายสมศักดิ์ แก้วจันดา อายุ 44 ปี ผู้เป็นพ่อ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2559 เวลา 21.00 น. บนถนนสายบางปลา ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร โดยเบื้องต้นทราบว่าเป็นรถเก๋งซึ่งเวลาผ่านมาเกือบ 10 วัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นายสัตยา เล่าว่าคืนวันเกิดเหตุ พ่อได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อกับข้าว โดยวิ่งเส้นถนนบางปลา มีรถเก๋งคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง แล้วก็เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของพ่อ จนพ่อล้มลงจนหมดหมดสติได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับหลบหนีไปทันที ซึ่งหลังเกิดเหตุจนถึงวันนี้ พ่อของตนเองต้องนอนอยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลมหาชัย 3 ยังไม่รู้สึกตัว
นายสัตยา เล่าอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองซึ่งเป็นนักเรียนต้องลาหยุดเพื่อไปหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ด้วยตนเอง โชคยังดีที่มีเพื่อนพ่ออีกคนหนึ่งคอยช่วยหาภาพจากกล้องวงจรปิดให้ด้วย นายสัตยา บอกว่าเมื่อพ่อมาประสบอุบัติเหตุ ทางครอบครัวก็แทบจะมืดแปดด้าน เพราะพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อทำงานเลี้ยงดูตนเองและน้องสาวอีกคน ตอนนี้ต้องหางานทำพิเศษเพื่อหาเงินค่าเป็นใช้จ่ายต่างๆ ส่วนแม่ก็ต้องไปดูแลพ่อจนไม่ได้ทำงาน
เรื่องนี้ทางทีมงานทนายประชาชน ได้รับเรื่องและเร่งลงพื้นที่เพื่อหาพยานหลักฐานเนื่องจากเห็นว่าหากปล่อยให้เวลาผ่านไปนานวัน พยานหลักฐานต่างๆ อาจจะถูกลบไปหมดโดยเฉพาะภาพวงจรปิดจากสถานที่เกิดเหตุหรือใกล้เคียง ส่วนบรรยากาศที่ห้องไอซียู ของโรงพยาบาลมหาชัย 3 ที่นายสมศักดิ์ แก้วจันดา อายุ 44 ปี พ่อของนายสัตยา พักรักษาตัวอยู่นั้น ก็พบว่าผู้บาดเจ็บ ยังนอนไม่รู้สึกตัว ซึ่งทางด้าน นพ.ยงยุทธ คงธนารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาชัย 3 จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่าคนไข้ถูกนำส่งจากเหตุรถจักยานยนต์ชนกับรถ ไม่ทราบว่ารถอะไร เข้ามาถึงก็ไม่รู้สึกตัว มีเลือดออกในสมอง ทำการตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ 2-3 ครั้ง เป็นชนิดที่ผ่าตัดไม่ได้ สมองบวม วิธีการรักษาคือประคับประคอง รอเวลาคนไข้ดีขึ้น ทาง รพ.จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เนื่องจากคนไข้มีสิทธิ์ทางประกันสังคม ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในการรักษา ขอให้ญาติไม่ต้องเป็นห่วง.-สำนักข่าวไทย