กรุงเทพฯ 9 เม.ย. – “สุพันธุ์” คว้าเก้าอี้ประธาน ส.อ.ท.อีกครั้ง ยืนยันเป็นยุคปราศจากความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่และเอสเอ็มอี เน้นนโยบายเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทยที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ เสริมเคี้ยวเล็บด้วยนวัตกรรม
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี อดีตประธานภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คนที่ 14 วาระปี 2557-2559 ได้รับเลือกให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งประธาน ส.อ.ท.อีกครั้งวาระปี 2561-2563 ในวันนี้ (9 เม.ย.) นับเป็นประธาน ส.อ.ท.คนที่ 16 ซึ่งรับหน้าที่ต่อจากนายเจน นำชัยศิริ ประธานคนที่ 15 ซึ่งหมดวาระในวันนี้
นายสุพันธุ์ เปิดเผยนโยบายการทำงานว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ส.อ.ท.จึงมีนโยบายเน้นเสริมความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยโดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รับรู้และปรับตัวเปลี่ยนแปลงให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามาได้ หรือ Industry transformation เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง รวมทั้งผลักดันภาคอุตสาหกรรมทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคสถาบันการศึกษาได้เป็นอย่างดี จะส่งเสริมนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการทุกอุตสาหกรรม เพื่อให้มีความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการที่สอดคล้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันเพื่อความอยู่รอด นอกจากนี้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือ Big Brother จะต้องรวมตัวและช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กในการทำธุรกิจร่วมกัน เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า กรรมการ ส.อ.ท.ชุดนี้นับเป็นการพลิกโฉมใหม่ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของตัวแทนจากกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากวันนี้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เห็นความสำคัญของ ส.อ.ท.และความสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ดังนั้น ทุกฝ่ายจึงร่วมกันขับเคลื่อน ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใด ๆเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเกิดขึ้นตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
นายสุพันธุ์ กล่าวถึงโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ว่า การเกิดขึ้นของอีอีซีจะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมของไทยเข้มแข็งในระยะยาว โดยมีโจทย์สำคัญ คือ อุตสาหกรรมไทยต้องได้รับประโยชน์ไม่เฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้น อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมก็ต้องมีส่วนร่วมได้รับประโยชน์จากการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอีอีซีด้วยเช่นกัน
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจัยสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าจะกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น เพราะที่สุดแล้วผลที่เกิดขึ้น คือ เสียหายทั้งสหรัฐและจีน ดังนั้น จึงเชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะต้องมีการเจรจากัน โดยภาคอุตสาหกรรมไทยจะต้องมีนวัตกรรมที่เข้มแข็ง มีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนช่วยเหลือผลักดัน
ส่วนกรณีกรมสรรพากรมีนโยบายจะเก็บภาษีธุรกิจอี-คอมเมิร์ซนั้น นายสุพันธุ์ กล่าวว่า กลไกการพิจารณาเก็บภาษีต้องเป็นธรรมและผู้ทำธุรกิจควรเข้าสู่ระบบภาษี ขณะที่ภาครัฐมีข้อมูลคอยให้การช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้.-สำนักข่าวไทย