ครม.อนุมัติรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน รองรับ EEC

ทำเนียบฯ 27 มี.ค. – ครม.อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ระยะทาง 220 กิโลเมตร ดึงเอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP  คาดผลตอบแทนลงทุน 700,000 ล้านบาท เขียน TOR เอกชนผู้ชนะประมูลต้องอุ้มผลขาดทุนแอร์พอร์ตลิ้งค์  กำหนดค่าโดยสาร เส้นทางมักกะสัน-พัทยา 270 บาท และเส้นทางมักกะสัน-อู่ตะเภา 330 บาท 


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร  มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการ มีอำนาจในการร่วมลงทุนกับเอกชนผู้ชนะการประมูล โดยภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนเอกชนลงทุนค่างานโยธา  การพัฒนาพื้นที่ค่าบริการโดยสาร  ค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ  รวมถึงการบริหารและซ่อมบำรุงโครงการ ในระยะเวลาดำเนินโครงการ 50 ปี เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร บริหารจัดการเดินรถรวมถึงจัดเก็บรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ เพื่อลงทุนแบบ PPP net cost 

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติกรอบวงเงินร่วมลงทุนกับภาคเอกชนในวงเงินไม่เกิน 119,000 ล้านบาท โดยจะทยอยจ่ายให้กับภาคเอกชนเป็นรายปีไม่ต่ำกว่า 10 ปี และเห็นชอบให้พื้นที่เดินรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่สนามบินดอนเมืองผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเป็นพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC เพิ่ม และควบรวมสนามบินแอร์พอร์ตลิงค์ให้อยู่ภายใต้โครงการดังกล่าวของรัฐบาล เป็นผู้รับภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐานของโครงการแอร์พอร์ตลิ้ง วงเงิน 22,558 ล้านบาท  สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินรถจากอู่ตะเภาถึงกรุงเทพมหานคร ภายใน 45 นาที จากผลการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนการลงทุนทั้งโครงการรวมประมาณ 700,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 50 ปีแรก 400,000 ล้านบาท และ 50 ปีต่อไปอีก 300,000 ล้านบาท 


สำหรับผลตอบแทนส่วนใหญ่มาจากมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นของสนามบินอู่ตะเภาไปจนถึงการลดใช้น้ำมัน   ลดระยะเวลาการเดินทาง และลดมลพิษจากการใช้รถยนต์ รวมทั้งมีผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ตลอดเส้นทาง รวมถึงความเจริญที่จะเกิดขึ้นโดยรอบการเดินรถไฟ อาทิ การจ้างงาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นการแก้ปัญหาการเดินรถสถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิ้ง ให้มีความถี่มากขึ้นทุก ๆ 10 นาทีต่อขบวน ซึ่งอัตราค่าโดยสารกำหนดจากสถานีมักกะสัน-พัทยา 270 บาท และเส้นทางมักกะสัน-อู่ตะเภา 330 บาท โดยในระหว่างนี้จะต้องจัดทำร่าง TOR  สรรหาผู้ประมูลให้ได้ตัวเลขงบประมาณที่แน่นอน และได้กำหนด TOR สำหรับเอกชนผู้ชนะการประมูลต้องรับภาระหนี้ผลขาดทุนของแอร์พอร์ตลิ้งค์เข้าไปบริหารจัดการดูแลด้วย    พร้อมทั้งรัฐรับภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐานของ รฟท.กว่า 22,558 ล้านบาท และเพิ่มพื้นที่ EEC ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่วิ่งผ่าน ตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ  ดอนเมือง และไปถึงอู่ตะเภา และโครงการนี้จะรวมการพัฒนาที่ดินมักกะสัน ศรีราชา และการนำรถมาวิ่งให้บริการของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์เพิ่มก่อนจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง