กรุงเทพฯ
9
มี.ค.-กยท.ชะลอประกาศหาผู้รับจ้างปรับปรุงระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพารา
หรือเซสส์
พร้อมเปิดรับฟังความเห็นจากพนักงานและตรวจสอบการเลี่ยงค่าเซสส์ในช่วงที่ผ่านมาด้วย
นายธีธัช
สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย
(กยท.) กล่าวว่า
กยท.ชะลอเรื่องการเปิดประกาศหาผู้รับจ้างปรับปรุงระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพารา
(เซสส์) ออกไปก่อน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงานกยท.ก่อนวันที่
21 มีนาคมนี้ จากนั้น
กยท.จะนำเสนอให้คณะกรรมการที่จะมีการประชุมในวันที่ 21 มีนาคม พิจารณาต่อไป
ผู้ว่าการกยท.
กล่าวว่า การที่ กยท. ประกาศหาผู้รับจ้างปรับปรุงระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกยางพารา
(เซสส์)
โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนในการดำเนินงานทั้งหมด แต่การจัดเก็บเซสส์
ยังดำเนินการโดยพนักงานกยท. ส่วนอัตราค่าจ้างเอกชนโดยรวมแล้ว กำหนดให้มีเพดานจ่ายได้สูงสุดไม่เกินร้อยละ
5 ของค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บได้เท่านั้น
และเอกชนที่รับจ้างสามารถเสนอรูปแบบค่าจ้างได้หลายรูปแบบ
ผู้ว่าการกยท.กล่าวถึงเรื่องการตรวจสอบการเลี่ยงค่าธรรมเนียมการส่งยางพาราออกนอกราชอาณาจักร
หรือ ค่า “เซสส์” ว่า ที่ผ่านมา กยท.พบว่า
การจัดเก็บค่าเซสส์จากการส่งออกยางพาราต่ำกว่าสถิติการส่งออกยางพารา ดังนั้น ทาง
กยท.และกรมศุลกากร จึงร่วมกันตั้งคณะทำงานร่วมระหว่าง กยท.และกรมศุลกากร
เพื่อร่วมสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องการหลบเลี่ยงการจ่ายค่าเซสส์ เพื่อให้มีความชัดเจนและโปร่งใส
ข้อมูลตรวจสอบได้ทั้งระบบ หากพบว่า มีการทุจริตจริง กยท.จะดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายต่อผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดต่อไป-สำนักข่าวไทย
ที่ผ่านมา
กยท.ประเมินพื้นที่ปลูกยางพาราโดยใช้ฐานข้อมูลเดิมเป็นเกณฑ์ พบว่า หากในปี ๒๕๖๐ มีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ ๒๐.๕
ล้านไร่ ได้ผลผลิตประมาณ ๔.๕ ล้านตัน ส่งออก ๓.๘ ล้านตัน แต่ข้อมูลนี้
แตกต่างจากการสำรวจจากการใช้ดาวเทียมในปีเดียวกันของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน)
หรือ จีสด้า กลับพบว่า มีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓๒ ล้านไร่ ต่างกันเกือบ ๑๑.๕
ล้านไร่ จึงเสนอข้อสังเกตว่า ปริมาณผลผลิตยางที่แท้จริง อาจคลาดเคลื่อนไปมาก
หากมีการลักลอบการส่งออกยางหรือการหลบเลี่ยงค่าเซสส์จริง
กยท.จะดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป โดยทำงานประสานร่วมมือกับกรมศุลากรอย่างต่อเนื่อง
ทั้งการลงพื้นที่เพื่อสังเกตุการณ์ตามด่านต่าง ๆ ทั่วประเทศ
และขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐาน
เพื่อหาทางแก้ไขระบบให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการต่อไป-สำนักข่าวไทย