“ศรีวราห์”เตรียมหลักฐานฟ้องคนเผยแพร่ข้อความลดความน่าเชื่อถือคดีเปรมชัย

กรุงเทพฯ 7 มี.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมพยานหลักฐานฟ้องร้องผู้เผยแพร่ข้อความเจตนาลดความน่าเชื่อถือคดีเปรมชัย หลังพบทำเป็นขบวนการ


พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าทำคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ลักลอบล่าสัตว์ป่า ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยยึดหลักตามกฎหมาย ส่วนตัวคงไม่อาจห้ามการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ ส่วนกรณีมีผู้ร้องเรียนให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาพิจารณา และส่วนตัวไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ข้อความเจตนาลดความน่าเชื่อถือ แต่หากมีพยานหลักฐานว่า เป็นการทำเป็นขบวนการ ก็จะพิจารณาฟ้องกลับ เบื้องต้น มีหลายรายที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า คดีนี้มีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 95 แล้ว ซึ่งจะตรวจสอบสำนวนกับตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และตำรวจภูธรภาค 7 ให้เสร็จสิ้นภายในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค. 61) ก่อนพิจารณาว่าจะสามารถแจ้งข้อหาเกี่ยวกับงาช้าง และข้อหาอื่น เพิ่มเติมได้หรือไม่ หลังสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมประเด็นการครอบครองงาช้างแอฟริกา ที่ยึดได้จากบ้านพักของนายเปรมชัย ภายในซอยศูนย์วิจัย ว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของบ้านที่มีการตรวจยึดงาช้าง /ลักษณะการใช้ประโยชน์ของงาช้าง / บุคคลใดเป็นผู้รับรองในการจดแจ้งงาช้าง โดยขอดูคำให้การของตำรวจป่าไม้ ถ้าหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินคดีกับเปรมชัย และผู้เกี่ยวข้อง ในข้อหา ร่วมกันครอบครองงาช้าง 


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันผลการตรวจซากสัตว์และเครื่องครัวที่พบบริเวณจุดตั้งแคมป์ของนายเปรมชัย เป็นชิ้นเนื้อสัตว์ป่าคุ้มครอง ทำให้หลักฐานการทำผิดของนายเปรมชัย แน่นหนามากขึ้น สอดคล้องกับรายงานผลการตรวจอาวุธปืนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งยืนยันว่า ชนิดของชิ้นเนื้อสัตว์ป่าที่พบ ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี เพราะการล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ไม่สามารถกระทำได้ทุกกรณี และพฤติกรรมของนายเปรมชัย ไม่ถูกต้องตั้งแต่ต้น ทั้งการเข้าพื้นที่ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต การนำปืนเข้าไปไม่ถูกต้อง และไม่พบคณะอื่นใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ

ด้าน พลตำรวจตรีธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ยืนยันว่าพบดีเอ็นเอ บริเวณด้ามมีดที่พบในจุดตั้งแคมป์ของนายเปรมชัย ของบุคคลมากกว่า 3 คน และเชื่อมโยงสัมพันธ์กับผู้ต้องหาบางคน รวมถึงบริเวณไกปืน ซึ่งเชื่อมโยงผู้ต้องหาด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”