กาญจนบุรี 3 มี.ค.-คดีแพ่งหวยอลเวง 30 ล้านบาท หลังวานนี้ทนายความร้อยตำรวจโทจรูญ หอบสำนวนส่งศาลแพ่ง พิจารณาถอนอายัดเงินรางวัล 24 ล้านบาท เรื่องนี้โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่าเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับศาลจะพิจารณา
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาท ซึ่ง “ครูปรีชา” ยื่นฟ้องแพ่งต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ให้มีการอายัดเงินจากบัญชีร้อยตำรวจโทจรูญ ชั่วคราว จนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยกรณีนี้พบว่าศาลได้ไต่สวนคู่ความและมีคำสั่งอายัดเงินไปแล้ว และการพิจารณาคดีได้เข้าสู่กระบวนการของศาล ส่วนกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความร้อยตำรวจโทจรูญ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอเพิกถอนคำสั่งอายัดเงิน มองว่าสามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิ์ของคู่ความตามกฎหมาย แต่ขึ้นอยู่กับศาลพิจารณา
สำหรับขั้นตอนการเพิกถอนการอายัดเงินนั้น เริ่มจากศาลรับคำร้องจากผู้ร้อง จากนั้นจะมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าว ก่อนเรียก “โจทก์” เข้าให้ข้อมูล หลังจากนั้นศาลจะใช้ดุลยพินิจ หากไม่ให้ถอนการอายัด ก็จะจบไป เงินยังถูกอายัดไว้เหมือนเดิม แต่หากศาลอนุญาตให้ถอนการอายัด ก็สามารถนำเงินมาใช้จ่ายได้ และการกระทำของ “โจทก์” อาจเข้าข่ายกระทำละเมิด สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้
สำหรับข้อมูลล่าสุดในการไต่สวนคดีแพ่ง เบื้องต้นมีการเปิดเผยจากร้อยตำรวจโทจรูญ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีว่า มีการยื่นบัญชีพยานเข้าไปเพิ่มเติมอีก 15 ลำดับ จากเดิม 12 ลำดับ ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐาน ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลการสืบสวนจากตำรวจกองปราบฯ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหักล้างคำกล่าวอ้างของโจทก์
เรื่องการทำสลากฯ หล่นหาย ตามประเด็นสืบของฝ่ายจำเลย 2 ประเด็น คือ โจทก์ไม่ได้เป็นคนซื้อสลากฯ และจำเลยเป็นผู้ครอบครองสลากฯ โดยสุจริต ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีในศาลแพ่งของนายปรีชา โจทก์ในคดีนี้ พบว่ามีการยื่นบัญชีพยานรวมทั้งสิ้น 15 ปาก กำหนดประเด็นสืบ 4 ประเด็น คือ สลากฯ ที่ถูกรางวัลเป็นของโจทก์หรือไม่, โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์สลากฯ ที่ถูกรางวัลหรือไม่, จำเลยได้ทำการละเมิด นำสลากฯ ของโจทก์ไปหรือไม่ และจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ ทั้งนี้ ศาลแพ่งจังหวัดกาญจนบุรี นัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 1 พฤษภาคม ส่วนฝ่ายจำเลยนัดสืบพยานครั้งแรกวันที่ 7 พฤษภาคม.-สำนักข่าวไทย