กรุงเทพฯ 2 มี.ค. – กกต.เร่งดำเนินการเรื่องจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ หวังให้ทันการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ขณะที่กลุ่มการเมืองสนใจขอตั้งพรรคใหม่ วันแรกกว่า 40 พรรค สะท้อนถึงการตื่นตัวทางการเมือง
คึกคักตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้กลุ่มการเมืองขอจดจองชื่อพรรคใหม่ มีกว่า 40 กลุ่มให้ความสนใจจองชื่อพรรค มีทั้งอดีตนักการเมืองที่แยกตัวมาตั้งพรรค อดีตข้าราชการ และกลุ่มภาคประชาชน จึงถือว่าเป็นการสะท้อนให้เห็นความตื่นตัวทางการเมือง เพื่อเตรียมสู้ศึกในสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้นปีหน้า
กรรมการการเลือกตั้ง กำชับให้ผู้ยื่นขอเร่งดำเนินการตามกฎหมายพรรคการเมือง เพื่อให้การจดทะเบียนพรรคเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ เพราะหลังจากยื่นขอชื่อพรรคแล้ว กกต.จะพิจารณาภายใน 30 วัน ว่าชื่อที่ยื่นมานั้นซ้ำกับพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิม 69 พรรค หรือมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ขณะเดียวกันจะส่งรายชื่อของผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไปให้ 9 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องสัญชาติ การถูกดำเนินคดีหรือการถูกเพิกถอนสิทธิ ก่อนออกใบรับแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง เพื่อให้กลุ่มการเมืองดำเนินการเรื่องการจัดหาผู้ร่วมจัดตั้งไม่น้อยกว่า 500 คน เงินทุนประเดิมไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท และจัดประชุมให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ดังนั้น จึงขอให้กลุ่มผู้ขอจัดตั้งพรรคเร่งขออนุญาต คสช.ในการจัดหาผู้ร่วมจัดตั้งพรรค รวมทั้งการประชุม เนื่องจากขณะนี้คำสั่ง คสช.ที่ 53 และ 57 ยังมีผล แต่มีการผ่อนปรนให้เป็นรายกรณี โดยเบื้องต้นมี 2 กลุ่มการเมืองยื่นขออนุญาตแล้ว
การที่กลุ่มการเมืองให้ความสนใจขอจดจัดตั้งพรรคจำนวนมาก กกต.ไม่อยากมองว่าเป็นการตั้งพรรคเพื่อเป็นนอมินีของพรรคใดพรรคหนึ่ง และไม่น่าจะมีการตั้งขึ้นมาเพื่อขายชื่อพรรคในภายหลัง เพราะตามกฎหมายใหม่ไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
แม้เป็นวันแรกที่ให้ตั้งพรรค แต่สีสันไม่ต่างกับบรรยากาศการเลือกตั้ง เพราะนอกจากจะมากันก่อนเวลา 07.30 น. ถึง 21 กลุ่ม ยังมีความพยายามสร้างจุดเด่น สร้างสีสันให้เป็นที่สนใจ อย่างพรรคพลังชาติไทย ที่ได้จองชื่ออันดับแรก มีทั้งป้ายแนะนำชื่อ และนำดอกกุหลาบมาแจก
พรรคพลังพลเมืองไทย ของนายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ และนายเอกพร รักความสุข ยืนยันว่าไม่ใช่นอมินีของพรรคเพื่อไทย และพร้อมจะลดความขัดแย้ง ด้วยการเสนอตัวเป็นพรรคคนกลางที่จะเชื่อมต่อกับทุกพรรค
พรรคของคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่มไทยศิวิไลย์ สนับสนุนการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ส่วนพรรคที่ตั้งชื่อมาแล้วสร้างความสงสัยว่าจะได้รับการจดแจ้งหรือไม่ คือ พรรคเห็นแก่ตัว ที่นายกฤช ตรรกบุตร ยอมรับใช้คำตรงๆ เพื่อสร้างกระแสให้คนจดจำ
จากนี้ไปจะเห็นพรรคการเมืองใหม่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าพรรคการเมืองในวันนี้จะได้รับการจดทะเบียนจำนวนเท่าใด แต่ที่สะท้อนให้เห็นชัดเจน คือ ความตื่นตัวของกลุ่มการเมืองไทย. – สำนักข่าวไทย