กาญจนบุรี 24 ก.พ.-คืบหน้าคดีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” ยืนยัน ไม่รู้จักคนชื่อ “กุ้ง” เคยเห็นเพียงใบหน้าที่แผงสลาก กรณีทนายอีกฝ่ายติดต่อมาว่าให้ยอมรับความผิด ตนบอกให้ทนายดำเนินการอยู่ ยันมีหลักฐาน และจะมีพยานบุคคลที่สามออกมาในไม่ช้านี้ ส่วนตำรวจที่ถูกย้ายไม่ขอพูดถึง
ช่วงเช้าวันนี้ เวลา 08.30 น. “หมวดจรูญ” ได้พาครอบครัวขับรถกระบะเดินทางไปดูไร่อ้อย ใน อ.บ่อพลอย โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพราะทนายสั่งไว้
ส่วน “ครูปรีชา” บอกว่า จะไปทำธุระส่วนตัว และให้สัมภาษณ์ ว่าไม่รู้จักกับคนชื่อ“กุ้ง”เคยเห็นหน้าที่แผงขายสลากเท่านั้น กรณีทนายอีกฝ่ายได้ติดต่อมาว่าให้ยอมรับความผิดว่าหวยไม่ใช่ของตนเองนั้น เรื่องนี้เป็นการข่มขู่ตนเอง ซึ่งกำลังให้ทนายดำเนินการอยู่ และทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ยังมีหมายมายัง เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช เรื่องการขายหวยเกินราคา เรื่องนี้ทั้ง 2 คนได้ขายหวยให้ครู แล้วทนายมาออกหมายยุ่งเรื่องนี้อย่างไร ส่วนทางฝ่ายลุงจรูญ เงียบหายไป ฝากสื่อไปถามทำไมเงียบไป และอีกไม่นาน ครูจะมีพยานบุคคลที่สามออกมาแสดงตนเพิ่มอีก ขอให้เฝ้าติดตาม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกย้ายนั้นเป็นหากย้ายเพราะเรื่องหวยของครู ก็ต้องขอโทษด้วย และเจ๊เกียวบอกว่าทางกองปราบได้เชิญไปให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อ 2 วันนี้ แต่ก็พูดเรื่องจริงทั้งหมด
ความคืบหน้าคดีหวยอลเวง 30 ล้านบาทที่จะมีการแถลงสรุปว่าใครเป็นเจ้าของตัวจริงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยจุดเริ่มต้นของมหากาพย์หวยอลเวงครั้งนี้
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีคืบหน้าร้อยละ 90 โดย “ครูปรีชา” และ “หมวดจรูญ” ต้องมีคนใดคนหนึ่งโกหก ส่วนการเรียกพยานฝั่ง “ครูปรีชา” ทั้งนางดุษฎี ถิ่นทุ่งทอง หรือ “เจ๊กุ้ง” และนางปณัญชยา สุขพูล หรือ “เจ๊เกียว” มาให้ปากคำเมื่อวานเป็นการเก็บรายละเอียด ขณะที่การดำเนินคดีกับอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีจะต้องรอผลการสอบสวนของจเรตำรวจ ก่อนพิจารณาว่าเกี่ยวข้องโดยตรงในคดีหรือไม่ พร้อมเตรียมประมวลแผนประทุษกรรมคดีหวยอลเวงในหลายพื้นที่ โดยเปรียบเทียบคดีหวย 12 ล้านที่บุรีรัมย์ กับคดีหวย 30 ล้านที่กาญจนบุรี ถือว่าจุดเริ่มต้นคล้ายกัน.-สำนักข่าวไทย