จาการ์ตา 16 ก.พ.- สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างเอกสารที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์แต่เผยแพร่ได้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มรายใหญ่ในอินโดนีเซียกำลังกดดันสหภาพยุโรป (อียู) ให้ยกเลิกแผนการใช้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมเข้มงวดและยุติการวิพากษ์วิจารณ์น้ำมันปาล์มเชิงลบ
อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดในโลกและมีการตัดแล้วเผาเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดไฟป่ากระทบทั่วภูมิภาค อินโดนีเซียและอียูมีการค้าระหว่างกันปีละ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 ล้านล้านบาท) ทั้งสองฝ่ายได้เปิดเจรจารอบสี่และอาจเป็นรอบสุดท้ายที่อินโดนีเซียเมื่อวันจันทร์ ครอบคลุมเรื่องระเบียบการค้า การลงทุน และทรัพย์สินทางปัญญา หลังจากเริ่มเปิดการเจรจาราวกลางปี 2559
เอกสารที่เอเอฟพีอ้างถึงระบุว่า อินโดนีเซียได้ขอให้อียูใช้มาตรฐานความยั่งยืนของรัฐบาลอินโดนีเซีย แทนหลักเกณฑ์การรับรองของยุโรปที่มีความเข้มงวดมากกว่าตามที่อียูเสนอในการเจรจาเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน นอกจากนี้ยังขอให้อียูออกกฎหมายห้ามการส่งข้อความและรณรงค์เชิงลบที่มีการอ้างเรื่องโภชนาการ สุขภาพหรือสิ่งแวดล้อมในทางที่ทำให้เข้าใจผิด หวังยุติเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผลของบริโภคน้ำมันปาล์ม และขอให้อียูยอมรับเงื่อนไขเรื่องชดใช้ให้อีกฝ่ายหากต้องเสียหายทางเศรษฐกิจเพื่อดำเนินการเรื่องความยั่งยืน
เอเอฟพีระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัทน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียเพียงไม่กี่แห่งที่ได้มาตรฐานของรัฐบาล และเมื่อสอบถามไปยังกระทรวงการค้าอินโดนีเซียและเจ้าหน้าที่อียู ก็ไม่มีใครแสดงความเห็นต่อเอกสารรั่วดังกล่าวซึ่งลงวันเวลาว่า เดือนมิถุนายน 2560 อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าเอกสารนี้สะท้อนท่าทีล่าสุดของอินโดนีเซียหรือไม่ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเจรจาหลังหลังสุดเมื่อเดือนกันยายนปีก่อน.- สำนักข่าวไทย