ทำเนียบประดับโคมเต็งลั้ง 6 คู่เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทำเนียบฯ 15 ก.พ.- นายกฯ อวยพรคนไทยเชื้อสายจีน ให้มีความสุข เจริญรุ่งเรือง เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ประดับโคมเต็งลั้ง 6 คู่บริเวณประตูทางเข้า-ออก รอบทำเนียบฯ  เพื่อความเป็นสิริมงคล  ปัดแก้เคล็ดรัฐบาลขาลง 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ได้นำโคมเต็งลั้ง จำนวน 6 คู่ 12 ดวงมาประดับตกแต่งบริเวณประตูทางเข้าออก โดยรอบทำเนียบรัฐบาล เนื่องในเทศกาลตรุษจีน  ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของทำเนียบรัฐบาลที่มีการติดโคมเต็งลั้ง 

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัฒน์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี สั่งให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดซื้อโคมเต็งลั้ง มาประดับ ประตูทางเข้าออก ทำเนียบรัฐบาล 6 จุด เพื่อความเป็นสิริมงคล และร่วมฉลองกับคนไทยเชื้อสายจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน 


“ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะติดโคมเต็งลั้งในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ และหลังจากนี้ก็จะพิจารณาร่วมแสดงความยินดีกับคนไทยในแต่ละเทศกาล และในทุกศาสนา ไม่ได้เป็นการแก้เคล็ดที่คนขับรถชนอ่างบัวสีแตกเมื่อช่วงเช้า เพราะเรื่องนั้นเป็นอุบัติเหตุ  เนื่องจากพื้นที่คับแคบ และการประดับโคม ก็ไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ถูกมองว่า ช่วงนี้รัฐบาลมีปัญหา โดยเฉพาะความระหองระแหงภายใน ครม.หรือ เป็นช่วงรัฐบาลขาลง” พ.อ.อธิสิทธิ์ กล่าว

ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า  นายกรัฐมนตรี ได้ฝากอวยพรในช่วงเทศกาลตรุษจีน ไปยังคนไทยเชื้อสายจีนให้มีความสุข สดชื่น มีความเจริญรุ่งเรือง คิดอะไรขอสมปราถนา  และนายกรัฐมนตรีจะไปร่วมงานฉลองเทศกาลตรุษจีน ที่เยาวราชในวันพรุ่งนี้(16 พ.ค.)ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติดโคมเต็งลั้ง ตามความเชื่อของคนเชื้อสายจีน ก็เพื่อเป็นเครื่องชี้นำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้มองเห็นบ้านที่ห้อยโคมก่อน และช่วยให้คนในบ้านมีความสุข ความเจริญ ความร่ำรวย และยังหมายถึง แสงสว่างโชติช่วงชัชวาล นอกจากนี้ สีของโคมก็ยังมีความหมาย ของโชคลาภวาสนา และเป็นสีมงคลของคนจีน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการติดโคมเต็งลั้ง เกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงเช้า เกิดอุบัติเหตุรถตำรวจถอยชนอ่างบัวสีของนายกรัฐมนตรีแตก จนเกิดเสียงวิจารณ์ในทางที่ไม่ดี ว่าอาจจะเป็นลางร้ายของ ครม. จึงคาดว่านำโคมมาติดเพื่อเป็นการแก้เคล็ดและเสริมบารมี เพราะตามความเชื่อของคนเชื้อสายจีน ห้ามทำของแตกเสียหายในวันนี้ซึ่งเป็นวันไหว้ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง