fbpx

“ครูปรีชา” ขอให้นำหลักฐานพิสูจน์ชั้นศาลคดีหวย 30 ล้าน

กาญจนบุรี 9 ก.พ.- หวย 30 ล้านเมืองกาญจน์ยังเป็นที่สนใจ ล่าสุดมีคลิปเสียงว่อนโซเชียล ด้าน “ครูปรีชา” ย้ำใครมีหลักฐานให้ไปพิสูจน์ชั้นศาลดีกว่า ส่วน ผอ.โรงเรียนระบุเป็นเรื่องส่วนตัว รอผลศาลตัดสิน ขณะที่ “เจ๊บ้าบิ่น” ไม่มาขายล็อตเตอรี่ 3 วันแล้ว


กรณีการอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของล๊อตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท งวดวันที่ 1 พ.ย.2560 ระหว่างนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการในจังหวัดกาญจนบุรี กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ  แม้ที่ผ่านมามีการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือแฝงบนล็อตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และต่างฝ่ายต่างยืนยันพูดความจริง ล่าสุดโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปเสียงสนทนากันของชาย-หญิง คาดว่าเป็นเสียงของนายปรีชา กับแม่ค้าล็อตเตอรี่ชื่อเจ๊บ้าบิ่น 

นายปรีชา ให้สัมภาษณ์หลังจากสอนหนังสือเสร็จแล้วช่วงสายวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า ขณะนี้ไม่ขอแสดงเห็นเรื่องคลิปเสียง และไม่รู้ว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ แต่ขอฝากไว้ว่าถ้าใครที่มีหลักฐานอะไรก็ควรจะนำไปใช้ในศาล การนำหลักฐานมาโต้กันไปมาเช่นนี้จะยิ่งสร้างความสับสนให้กับสังคมมากขึ้น ส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลใด ๆ อยู่แล้ว เพราะยังเชื่อในความเป็นจริงและความบริสุทธิ์ใจ เรื่องนี้ขอให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาล


ด้านนายสมพงษ์ เตชรัตนวรกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนที่นายปรีชา สอนอยู่นั้น กล่าวว่า คดีหวย 30 ล้าน ทางโรงเรียนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของนายปรีชา กระแสข่าวกระแสสังคมจะออกมาอย่างไรทางโรงเรียนไม่ได้ไปดำเนินการตามกระแสดังกล่าวว่าจะต้องมีการลงโทษหรือภาคทัณฑ์  เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องนายปรีชาก็มาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยต้องรอดูว่าศาลตัดสินคดีออกมาอย่างไรและกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ส่วนบริเวณแผงขายล๊อตเตอรี่ที่เจ๊บ้าบิ่นมาขายเป็นประจำนั้น วันนี้เจ้าตัวไม่ได้นำล็อตเตอรี่มาขาย จากการสอบถามเพื่อนผู้ค้าล๊อตเตอรี่ทราบว่า ไม่ได้มาขาย 3 วันแล้ว คาดว่ายังอยู่ที่บ้านพัก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย