กรุงเทพฯ 7 ก.พ. – ผู้บริหารตลาดทุน ชี้การปรับลงของหุ้นทั่วโลกเป็นเพียงระยะสั้น มั่นใจพื้นฐานเศรษฐกิจ และ ผลประกอบการยังเติบโตดี คาดดัชนีสูงสุดปีนี้ที่ 1,925.74 จุด
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า การดิ่งลงของตลาดหุ้นในระยะนี้ แม้จะดูน่าตกใจ แต่เป็นเพียงแค่การปรับฐานของตลาดหุ้น ซึ่งเกิดจากความกลัวเรื่องเงินเฟ้อ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และการปรับตัวลงของราคาเงินดิจิทัล แต่ไม่ใช่สัญญาณของสภาวะของเศรษฐกิจถดถอยแต่อย่างใด เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกยังอยู่ในเกณฑ์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนเศรษฐกิจไทยยังเติบโตเรื่อย ๆ กำไรบริษัทจดทะเบียนยังมั่นคง ดังนั้นหากเศรษฐกิจโลกดี การส่งออกดี เศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวได้ดี ขณะเดียวกันผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เชื่อว่าจะเป็นตัวผลักดันราคาหุ้นให้ปรับขึ้นในที่สุด อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาราคาหุ้นไทยขึ้นร้อนแรงและเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก หากมีการปรับฐานลงมาบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี และต้องติดตามความเสี่ยงจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ในเดือนมีนาคมนี้ ว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่
“การเทขายหุ้นในตลาดโลก เป็นภาวะตกใจตามตลาดหุ้นสหรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นการขายจากโปรแกรมเทรดของผู้ลงทุนสถาบันที่สั่งขาย เพราะดัชนีความผันผวน หรือ VIX Index (Chicago Board Options Exchange Market Volatility Index ) พุ่งทะลุ 30จุด ซึ่งสะท้อนถึงความกลัวของผู้ลงทุน ทำให้มีการเทขายหุ้นจนเกิดการปรับฐานรุนแรงตามมา “ นางวรวรรณ กล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า แม้จะเกิดการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นทั่วโลก และ ตลาดหุ้นไทย แต่เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้น การปรับฐานรอบนี้น่าจะจบแล้ว แต่ยังต้องติดตามในระยะต่อไปอาจจะมีการปรับฐานได้อีก ส่วนตัวมองตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะร้อนแรงเพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังดี สภาพคล่องในระบบยังมีอยู่สูง และ เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยโลกจะค่อยทะยอยปรับขึ้น สอดคล้องกับ
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนจำนวน 27 แห่ง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ให้เป้าหมายดัชนีสิ้นเดือนนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,829 จุด ขณะที่เป้าหมายดัชนีสิ้นปีอยู่ที่ 1,860 จุด จุดสูงสุดที่ 1,925.74 จุด และ ต่ำสุดที่ 1,761 จุด และ คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 111.74 บาท กำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตร้อยละ 11.23
ด้านนายสันติ กีระนันท์ ผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 156.62 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.74 จากระดับ 153.94 ในการสำรวจครั้งก่อน อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยเฉพาะนักลงทุนกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์และนักลงทุนต่างประเทศทมีภาวะความร้อนแรงอย่างมาก ปัจจัยหนุนจากความเชื่อมั่นเงินทุนที่ไหลเข้าในประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจไทยและต่างประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้
โดยนักลงทุนยังคงให้ความสนใจหมวดธนาคาร ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ และหมวดบริการรับเหมาก่อสร้างมากที่สุด ขณะที่หมวดที่ไม่น่าสนใจ คือ หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาคือหมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดเหล็ก
ด้านนางสาว อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นนักลงทุนมองว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.50 เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังไม่สูงมากนัก และแนวโน้มเงินเฟ้อต่ำ
ส่วนการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ ต่างชาติเทขายตราสารหนี้เงินทุนไหลออก 13,000 ล้านบาท ยอดถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 899,598 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของมูลค่าตราสารหนี้ทั้งหมด แม้ต่างชาติจะเทขายตราสารหนี้ แต่คงเป็นเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้นปกติต่างชาติถือครองไม่ถึงร้อยละ 20 จึงไม่มีผลกระทบรุนแรง.- สำนักข่าวไทย