นักวิชาการมองปี 67 ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงหลังเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย

กรุงเทพฯ 10 ม.ค.-ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยมองปี 67-68 ชี้เตรียมรับข่าวดีโอกาสดอกเบี้ยลดลง หลังธนาคารกลางหยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะเห็นลดกลางปี 67 นี้ พร้อมมั่นใจเศรษฐกิจไทยเริ่มดีตามท้าทายชะลอตัวเศรษฐกิจโลก แนะเอกชนไทยปรับตัวการผลิตเน้นพลังงานสะอาดและดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อปรับตามความต้องการตลาดโลก ชี้เศรษฐกิจปีนี้โตได้ร้อยละ 3-4 ไม่ถือว่าแย่


ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO กล่าวว่า โดยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 67 ยังอยู่ในช่วงชะลอตัวลง แต่ไม่ถึงขั้นชะลอตัวรุนแรง เนื่องจากปัจจัยเสี่ยง เช่น สงครามในตะวันออกกลางหรือสงครามรัสเซียและยูเครนจะกลับมารุนแรงขึ้น แต่ก็ไม่ร้ายแรงแม้จะไม่จบในเวลาที่รวดเร็ว แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ร้ายแรงไปมากกว่านี้ ทำให้โอกาสที่เศรษฐกิจโลกน่าจะกลับมาดีขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป รวมไปถึงทศทางของอัตราดอกเบี้ยหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลให้โอกาสที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศ รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ตั้งแต่กลางปี 67 ไปจนถึงปี 68 เฉลี่ยอย่างน้อยลดลงได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1 

อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยถือว่าปรับขึ้นไปน้อยกว่าประเทศอื่นๆที่ไทยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.5 และคาดว่าแนวโน้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีโอกาสที่จะเห็นลดลงได้ตั้งกลางปี 67 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจของไทยรวมไปถึงตลาดเงิน ตลาดทุนและหุ้นกู้ประเภทต่างๆที่จะได้รับต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลง ดังนั้น จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3-4 ถือว่าเป็นการเติบโตตามแรงการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐ การส่งเสริมด้านการลงทุน ทั้งตลาดและตลาดทุนที่หลายประเทศจะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงานสะอาดและอื่นๆเป็นต้น


นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะโควิดและอื่นๆมาแล้ว 5 ปี ถือว่าปี 67 เป็นปีที่ท้าทาย แม้อัตราดอกเบี้ยของโลกที่สูงขึ้นจนกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ แต่แนวโน้นอัตราดอกเบี้ยลดลงจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อลดลงตามแม้อัตราเงินเฟ้อของไทยจะลดลงติดลบติดต่อ 3 เดือนยังไม่ถือว่าผิดปกติ เพราะเป็นอัตราลดลงจากสาเหตุพลังงานโลกลดลงและมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยจึงไม่น่าจะกังวล แต่สิ่งที่จะต้องติดตาม คือ มาตรการต่อเนื่องของภาครัฐหลังจากนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะออกมาอย่างไร ประกอบกับแม้สินค้าจีนที่มีแนวโน้นเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มขึ้น แต่โดยรวมน่าจะส่งผลดีต่อไทยในการแข่งขัน ทำให้ผู้ผลิตของไทยจะต้องปรับตัวกับความต้องการสินค้าของโลกที่จะเน้นไปในทางการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ไฟฟ้า ปิโตรเคมี และท่องเที่ยวจะต้องเน้นสอดกับความต้องการของโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าปีนี้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย น่าจะดีกว่าช่วงที่ผ่านมาๆมา ที่นักลงทุนย้ายการลงทุนไปตลาดอื่นๆมากกว่า 200,000 ล้านบาท หรือการลงทุนในตลาดพันธบัตรก็จะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่จะมากเท่าเดิมหรือไม่ต้องติดตาม แต่ถือเป็นเรื่องปกติของการย้ายการลงทุนของนักลงทุนเพื่อหากำไรต่อการลงทุน ดังนั้น ในปีนี้ผลกำไรของการลงทุนยังถือว่าทรงตัว รวมไปถึงหุ้นกู้ในปีที่ผ่านมาพบเจอหลายบริษัทขาดสภาพคล่องและมีปัญหา ยังมองว่าสถาบันการเงินที่ปลายเงินกู้กลุ่มหุ้นกู้จะต้องมีการติดตามและคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นมาได้ 

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องด้านดูแลสิ่งแวดล้อมหลังจากมีการออก


“กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” (Thailand ESG Fund : Thai ESG) ในช่วงเดือน ธ.ค.66 เพียง 3 สัปดาห์มีประชาชนสนใจซื้อกองทุนนี้กว่า 100,000 รายเป็นเงินกว่า 6,400 ล้านบาท มีผลกำไรมากกว่า 81 ล้านบาท จึงมองว่าโอกาสกองทุนเหล่านี้ยังเติบโตได้อีกมาก และทิศทางการส่งออกของไทยก็เริ่มกลับมาเป็นบวก ท่องเที่ยวไทยต่างชาติสนใจเพิ่มขึ้นคาดว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวจะเข้าไทยมากกว่า 35 ล้านคนที่จะมีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปี 67 ไปจนถึงปี 68 ได้

นอกจากนี้ จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) เดือน ธ.ค.66 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 137.00 ปรับขึ้น 38.9% จากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” โดยนักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และ การไหลออกของเงินทุน

ทั้งนี้ แม้ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค.67) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ปรับขึ้น 38.9% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 137 ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”  กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK) หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุน ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ

“ผลสำรวจ ณ เดือนธันวาคม 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 29.4% อยู่ที่ระดับ 119.70 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 16.7% อยู่ที่ระดับ 100.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 17.9% อยู่ที่ระดับ 160.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 50.0% อยู่ที่ระดับ 150.00

SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปัจจัยบวกหลายประการ อาทิ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.00% – 5.25% และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งแรงหนุนจากการเปิดขายกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขายในเดือนธันวาคม 2566 ค่อนข้างบางเบาเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่วันหยุดยาวเทศกาลคริสต์มาส โดยปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ 39,980 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในเดือนธันวาคมประมาณ 70 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวมกว่า 192,083 ล้านบาท โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,415.85 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้า

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาทิ สหรัฐฯ และ ยุโรป จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดเร็วกว่าคาด และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง ทั้งสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส   ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่สิ้นสุด และผลการเลือกตั้งในไต้หวันในวันที่ 13 มกราคม 2567 ที่จะเป็นจุดชี้ชะตาสำคัญต่อความเป็นไปได้ในการเกิดการสงครามระหว่างไต้หวัน-จีน  ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การลงทุนภาครัฐที่มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์จากความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปี 2567 การฟื้นตัวของภาคการส่งออกจากแนวโน้มการค้าโลกที่มีการขยายตัวสูงขึ้น และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวหลังนักลงทุนจีนเข้ามาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ คุยตรง “มาครง” หวังฝรั่งเศสประสานเอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” หารือ “ปธน.มาครง” ทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์ ยันให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ-ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ไทยหนุนกลไกล JBC ทำงานเดินหน้าด้วยดี หวัง ฝรั่งเศส ประสานความร่วมมือ เอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครง จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน […]

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

“ภูมิธรรม” เผยวงถก สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกัมพูชา

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยที่ประชุม สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกับกัมพูชา แต่ไม่เพิ่มมาตรการ เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้น ความรุนแรงเป็นสิ่งสุดท้ายในการแก้ปัญหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าวันนี้มีการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆ ในการดูแลพื้นที่ชายแดนมั้งหมด ยังยืนยันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังใช้มาตรการเดิมเพราะเป็นมาตรการที่ยังใช้ได้ และยืนยันจะใช้สันติวิธีและพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนเจรจาของทั้งสองฝ่าย ส่วนการปิดด่านผ่านแดง ยังอยู่ใน ขั้นที่หนึ่งและสอง คือการจำกัดเวลาเข้าออก และการอนุญาตตัวบุคคล สิ่งที่กัมพูชาประกาศมาตรการใดๆ ออกมา โดยเฉพาะเรื่องการปิดด่านต่างๆ ถือเป็นเหตุและผลของกัมพูชา แต่ของไทยยังยืนยันในความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ส่วนมากมาตรการ seal stop safe อยากให้กลับไปทบทวน ว่า สิ่งที่ดำเนินการไป 3-4 เดือน ให้เร่งดำเนินการประเมินผล ว่ายังต้องคงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า อยู่หรือไม่เพราะขณะนี้ชายแดน ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่เดิมเริ่มลดน้อยลง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าไปลึกกว่านั้น ก็ต้องดูว่าจะจัดการอย่างไร โดยมอบหมายให้คณะเล็กไปพิจารณาดำเนินการ ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เสนอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรม ครบรอบจากสถาปนาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม […]