กทม. 18 ม.ค.-มีเสียงสะท้อนจากแรงงาน หลังทราบผลการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ บางส่วนยังกังวลถึงค่าครองชีพที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะที่แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านยังมีความต้องการเข้ามาทำงานในไทย เพราะได้ค่าแรงขั้นต่ำสูงกว่าประเทศบ้านเกิด
แรงงานไทยที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมนวนครคนนี้เลือกซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและไข่ไก่ จากร้านขายของชำที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักเป็นเมนูอาหารหลังเลิกงาน เพราะมีราคาถูกและจะได้มีเงินเหลือเก็บ
เขาทำงานเป็นลูกจ้างในโรงงานอะลูมิเนียม ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งจะได้ปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำเป็น 325 บาท เช่นเดียวกับกรุงเทพฯ ปัจจุบันเขาได้รับค่าแรงวัน 310 บาท ซึ่งจะต้องหักเป็นค่าห้องพัก ค่าอาหาร และส่งให้ที่บ้าน แม้ค่าแรงจะปรับขึ้น แต่กังวลว่าราคาสินค้าก็อาจขยับเพิ่มขึ้นจนไม่เพียงพอต่อการครองชีพเช่นเดิม
นิคมอุตสาหกรรมนวนครมีโรงงานที่ประกอบอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร มีแรงงานทั้งคนไทยและจากประเทศเพื่อนบ้าน บางส่วนรวมตัวกันหลังเลิกงาน พูดคุยเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงและอนาคตการทำงาน มีทั้งกังวลว่านายจ้างอาจแบกรับภาระที่ต้องจ่ายเพิ่มไม่ไหว จนทำให้ตกงาน หรือแม้แต่บางคนเสนอให้ขึ้นค่าแรงเท่ากันทั้งประเทศ แต่ก็ไม่คิดจะย้ายไปทำงานในจังหวัดที่ได้ปรับค่าแรง 330 บาท เช่น ชลบุรี หรือระยอง เพราะรู้ว่าค่าครองชีพย่อมสูงตามไปด้วย
แต่สำหรับแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา และเมียนมา ที่ทำงานในโรงงานน้ำแข็งย่านตลาดไท ปทุมธานี แห่งนี้ บอกว่าการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้จะทำให้พวกเขามีเงินเก็บส่งให้ที่บ้านมากขึ้น และยิ่งจะชักชวนเพื่อนให้มาทำงานในไทย เพราะค่าแรงที่จะปรับขึ้นสูงกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก
ค่าแรงขั้นต่ำของไทยจาก 300 บาท ที่กำลังจะปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าแรงในประเทศเพื่อนบ้านถือว่าสูงกว่ามาก ทำให้มีความต้องการเข้ามาทำงานในไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนแรงงานคนไทยห่วงว่าการขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันจะยิ่งทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นตามทั้งระบบ.-สำนักข่าวไทย