“พิพัฒน์” ยันตั้งใจเดินหน้าปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

รัฐสภา 26 ก.ย.- “พิพัฒน์” ตอบกระทู้ ยันตั้งใจเดินหน้าปรับค่าแรงขั้นต่ำ แต่ต้องเริ่มที่ธุรกิจไซซ์ L พร้อมกันก่อน แล้วค่อยทยอยไป SME หวั่นเจ๊งทั้งระบบ ปัดเล่นละครวันประชุมล่ม 20 ก.ย. ย้อนถามถ้าโหวตได้ จะเกิดอะไรขึ้น พร้อมวอนทุกฝ่ายคุย ธปท. ลดดอกเบี้ยช่วยลดต้นทุน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีนายวันมูหะมันนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามที่นายเซียร์ จำปาทอง สส. พรรคประชาชน เป็นผู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

นายเซียร์ กล่าวถึงการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570 ซึ่งถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล และรู้สึกยินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับค่าแรงให้สูงขึ้น แต่ 11 ปีผ่านมา มีการประกาศปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
เฉลี่ย 2 ถึง 2.26 บาท และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงานประกาศจะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาทในวันที่ 1 ตุลาคม และนายกรัฐมนตรีก็เคย ประกาศว่าจะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำภายในวันที่ 1 ตุลาคม เช่นกัน ถือเป็นการให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ แล้วก็เทความหวังนี้ จนกระทั่งเมื่อ 16 กันยายนที่ผ่านมา การประชุมปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ องค์ประชุมไม่ครบ และเมื่อวันที่ 20 กันยายนมีการประชุมอีกครั้ง แต่การประชุมก็ล่มอีกเพราะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลหายไป โดยเฉพาะอธิบดีกรมสวัสดิการและคุมครองแรงงาน ติดภารกิจอะไรเหตุใดจึงไม่มาร่วมประชุมหรือเป็นการเล่นละครตบตา รวมถึงตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทางพี่น้องรายงานจึงฝากถามว่าเป็นการเล่นละครตบตาหรือไม่ และขอถามว่ามีความมุ่งมั่นที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทหรือไม่และถ้าปรับจะปรับเมื่อไหร่


นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงโดยยืนยัน ณ สถานที่แห่งนี้ ว่า มีความตั้งใจที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทให้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และคิดว่าผู้ใช้แรงงานคงทราบดีถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาล ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะผลักดันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล แม้นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้ประกาศ แต่ตนขอยืนยันและตั้งใจพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป

ส่วนที่ถามว่ามีการเล่นละครกันหรือไม่ในวันที่ 16 กันยายน ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุมนั้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า นายเซียร์คงทราบดีว่า การเข้าร่วมประชุมไตรภาคีมีฝ่ายละ 5 คนโดยมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานการประชุม หากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบ 2 ใน 3 ก็ไม่สามารถที่จะเปิดประชุมและลงมติได้ ดังนั้นในวันที่ 16 กันยายน เท่าที่ทราบ ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุม และในวันที่ 20 กันยายน ได้มีการเชิญประชุมอีกครั้ง แต่ผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากการที่ตนจะกำกับหรือบังคับ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงและนั่งในห้องประชุมได้ ตนจึงไม่สามารถเข้าไปแม้แต่กระทำการเจรจา เพราะรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้ โดยในวันดังกล่าว ฝ่ายนายจ้างมาครบ 5 คน ลูกจ้าง ขาด 2 คนตัวแทนของธนาคารแห่งประเทศไทย ขาด 1 คน และอธิบดีกรมสวัสดิการฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของกระทรวงแรงงานขอลา ซึ่งจะถามว่าเป็นเทคนิคก็ได้ หากมีการประชุมในวันนั้น ตนก็เชื่อว่าเราไม่สามารถที่จะโหวตได้ แต่ถ้ามีการโหวตในวันนั้นถามว่าฝ่ายนายจ้างยืนยันคัดค้านทั้ง 5 คน ของเราถ้ามีครบ นอกเหนือตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เข้า 1 คน ก็จะขอถามว่า ผู้ที่จะเสียหาย คือกลุ่มใด ซึ่งตนไม่อยากที่จะพูดในที่นี้ เพราะแน่นอนว่าฝ่ายนายจ้าง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากขึ้นค่าแรง เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ พวกเราก็คงทราบ

นายพิพัฒน์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เพิ่มต้นทุนให้กับฝ่ายนายจ้างก็คือดอกเบี้ยที่สูงเกินความจริงนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งตนคิดว่าในรัฐบาลก็มีหลายฝ่ายที่พยายาม จะเจรจากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือฝ่ายนายจ้าง ซึ่งตลอดเวลาธนาคารแห่งประเทศไทย อ้างถึงว่าหนี้สินครัวเรือนสูงมาก ซึ่งตนก็ไม่ได้เถียง แต่ถามว่าวันนี้ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารที่เป็นของภาครัฐ มีปล่อยกู้ให้ใครได้บ้าง และเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเต็นท์รถมือสองปิดตัวเองตลอดเวลา มีการยึดรถมาลานจอดรถสำหรับการประมูลดังนั้น ตนไม่ขอที่จะถกเถียง


ส่วนที่นาย เซียร์ ถามถึงว่ากรณีที่ระบุว่าไม่สามารถแทรกแซง คณะกรรมการไตรภาคีในเรื่องของการปรับอัตราขั้นต่ำได้แต่ที่ผ่านมารัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะปรับค่าแรงขั้นต่ำให้ได้ภายใน 400 บาท ถือเป็นการแทรกแซงหรือไม่ และที่ล่าสุดบอกว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับกิจการที่มีลูกจ้าง 200 คนขึ้นไปนั้น

นายพิพัฒน์ ยืนยันไม่ได้เป็นการแทรกแซงการที่ให้สัมภาษณ์เป็นการให้นโยบายกับปลัดกระทรวงแรงงานในการที่จะเข้าไปเจรจาถ้าตนแทรกแซงนั่นหมายความว่าตนต้องเข้าไปแทรกแซงหรือขอเวลาที่จะไปพูดก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ส่วนเรื่องที่กำหนดหลักเกณฑ์ปรับขึ้นเท่ากัน 400 บาท สำหรับธุรกิจที่มีลูกจ้างมากกว่า 200 คนนั้น เพราะคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังไม่อยากให้กระทบกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเพราะ ถือครอง แรงงานกว่าร้อยละ 90 ของประเทศไทยและวันนี้ SME อยู่แทบไม่ได้เพราะการต่อสู้ทางการค้าค่อนข้างรุนแรงมาก ดังนั้นทางกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานกำลังหาแนวทางว่าจะไม่กระทบไปที่ SME แล้วจะหาวิธีอย่างไรในการที่จะไปช่วย กู้สถานะทางการเงินให้กับ SME เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและเดินหน้าไปได้ สำหรับรองรับการปรับค่าแรงในครั้งต่อๆ ไป เพราะอาจทำและประกาศในเวลานี้ ก็แน่นอนว่าคงจะมีเพื่อนๆ ผู้ใช้แรงงานอีกเป็นแสนหรือหลายแสนที่จะไม่มีงานทำ ตนก็คงจะไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบมากมายขนาดนั้น จึงขอความกรุณา สส. ที่ทำงานอยู่กับภาคแรงงาน คงทราบดีว่าจุดที่เหมาะสมที่สุดคือจุดไหน

นายพิพัฒน์ กล่าว ว่า การที่เราปรับในภาคธุรกิจที่มีแรงงานมากกว่า 200 คนมีผู้ที่ได้ประโยชน์ประมาณ 2,290,000 คนเศษโดยมีแรงงานไทยได้รับประโยชน์ 1,700,000 กว่าคนที่เหลือเป็นแรงงานต่างด้าว แต่ต้นทุนทางนี้ฝ่ายนายจ้างก็จะได้รับผลกระทบ ต่อคนประมาณ 72 บาท 78 สตางค์ หากถามว่าเราผลักภาระตรงนี้ไปให้กับ SME แล้วถ้า SME ล้ม ความรับผิดชอบก็ต้องอยู่ที่กระทรวงแรงงาน เพราะคุณเล่นประกาศแบบปูพรม แต่ถ้าเราประกาศไซซ์ L ไปก่อนแล้วหลังจากนั้นเรามากู้สถานะให้กับ SME เมื่อสถานะของ SME เดินหน้าต่อไปได้แล้วเรามาว่าของ SME ต่อไปแต่ไม่ได้หมายความว่า SME ปีนี้จะไม่ได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เราก็มีนโยบายต่อไปว่า ในช่วงของสิ้นปีต่อเนื่องปี 2568 เราก็จะมีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะ SME อีกครั้งหนึ่งตามที่อนุไตรภาคีในแต่ละจังหวัดส่งข้อมูลมาให้กับทางกระทรวง

ทั้งนี้นายซียร์ได้ถามคำถามที่ 3 ถึงการที่่รัฐมนตรีให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำผ่านกลไกของคณะกรรมการไตรภาคีให้ถึง 600 บาทในปี 2570 แน่นอนจึงอยากให้รัฐมนตรีช่วยบอกไทม์ไลน์ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปี 2570 ให้ทราบได้หรือไม่ว่าแต่ละช่วงจะมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอย่างไรบ้าง ถึงจะขึ้นถึง 600 บาท พี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมความพร้อมในการที่จะได้รับผลด้านบวกและ ด้านลบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า การจะพูดถึงไทม์ไลน์จะต้องดูถึงสถานะของผู้ประกอบการ และสภาวะของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะไม่ถึง 600 บาท แต่จะมีความก้าวหน้า ของการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ โดยที่ทุกฝ่ายอยู่ได้ และขอให้พวกเราช่วยกัน ในการไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องของการลดต้นทุนของค่าดอกเบี้ยของสถานประกอบการเพราะหากมีต้นทุนดอกเบี้ยที่เหมาะสมส่วนเชื่อว่าเมื่อลดต้นทุนได้การที่จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็จะเป็นสมการที่เราสามารถเดินไปได้ เมื่อนายทุนหรือผู้ประกอบการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าก็สามารถขยับค่าแรงขั้นต่ำให้กับผู้ใช้แรงงานได้ ดังนั้นโอกาสหน้าอยากให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติหลังจากที่เราประกาศค่าแรงขั้นต่ำไปแล้วที่ 400 บาท ขอให้ เชิญตนมาตอบอีกครั้งหนึ่งตนพร้อมที่จะตอบ ในเวทีแห่งนี้.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย