“พิพัฒน์” ยันตั้งใจเดินหน้าปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

รัฐสภา 26 ก.ย.- “พิพัฒน์” ตอบกระทู้ ยันตั้งใจเดินหน้าปรับค่าแรงขั้นต่ำ แต่ต้องเริ่มที่ธุรกิจไซซ์ L พร้อมกันก่อน แล้วค่อยทยอยไป SME หวั่นเจ๊งทั้งระบบ ปัดเล่นละครวันประชุมล่ม 20 ก.ย. ย้อนถามถ้าโหวตได้ จะเกิดอะไรขึ้น พร้อมวอนทุกฝ่ายคุย ธปท. ลดดอกเบี้ยช่วยลดต้นทุน


การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีนายวันมูหะมันนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามที่นายเซียร์ จำปาทอง สส. พรรคประชาชน เป็นผู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

นายเซียร์ กล่าวถึงการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570 ซึ่งถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล และรู้สึกยินดีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปรับค่าแรงให้สูงขึ้น แต่ 11 ปีผ่านมา มีการประกาศปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
เฉลี่ย 2 ถึง 2.26 บาท และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงานประกาศจะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ 400 บาทในวันที่ 1 ตุลาคม และนายกรัฐมนตรีก็เคย ประกาศว่าจะปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำภายในวันที่ 1 ตุลาคม เช่นกัน ถือเป็นการให้ความหวังกับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ แล้วก็เทความหวังนี้ จนกระทั่งเมื่อ 16 กันยายนที่ผ่านมา การประชุมปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ องค์ประชุมไม่ครบ และเมื่อวันที่ 20 กันยายนมีการประชุมอีกครั้ง แต่การประชุมก็ล่มอีกเพราะผู้แทนฝ่ายรัฐบาลหายไป โดยเฉพาะอธิบดีกรมสวัสดิการและคุมครองแรงงาน ติดภารกิจอะไรเหตุใดจึงไม่มาร่วมประชุมหรือเป็นการเล่นละครตบตา รวมถึงตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทางพี่น้องรายงานจึงฝากถามว่าเป็นการเล่นละครตบตาหรือไม่ และขอถามว่ามีความมุ่งมั่นที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทหรือไม่และถ้าปรับจะปรับเมื่อไหร่


นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงโดยยืนยัน ณ สถานที่แห่งนี้ ว่า มีความตั้งใจที่จะปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทให้ได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และคิดว่าผู้ใช้แรงงานคงทราบดีถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาล ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าจะผลักดันค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 และเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล แม้นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้ประกาศ แต่ตนขอยืนยันและตั้งใจพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป

ส่วนที่ถามว่ามีการเล่นละครกันหรือไม่ในวันที่ 16 กันยายน ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุมนั้น นายพิพัฒน์กล่าวว่า นายเซียร์คงทราบดีว่า การเข้าร่วมประชุมไตรภาคีมีฝ่ายละ 5 คนโดยมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธานการประชุม หากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบ 2 ใน 3 ก็ไม่สามารถที่จะเปิดประชุมและลงมติได้ ดังนั้นในวันที่ 16 กันยายน เท่าที่ทราบ ฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุม และในวันที่ 20 กันยายน ได้มีการเชิญประชุมอีกครั้ง แต่ผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่นอกเหนือจากการที่ตนจะกำกับหรือบังคับ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงและนั่งในห้องประชุมได้ ตนจึงไม่สามารถเข้าไปแม้แต่กระทำการเจรจา เพราะรัฐมนตรี ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้ โดยในวันดังกล่าว ฝ่ายนายจ้างมาครบ 5 คน ลูกจ้าง ขาด 2 คนตัวแทนของธนาคารแห่งประเทศไทย ขาด 1 คน และอธิบดีกรมสวัสดิการฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของกระทรวงแรงงานขอลา ซึ่งจะถามว่าเป็นเทคนิคก็ได้ หากมีการประชุมในวันนั้น ตนก็เชื่อว่าเราไม่สามารถที่จะโหวตได้ แต่ถ้ามีการโหวตในวันนั้นถามว่าฝ่ายนายจ้างยืนยันคัดค้านทั้ง 5 คน ของเราถ้ามีครบ นอกเหนือตัวแทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เข้า 1 คน ก็จะขอถามว่า ผู้ที่จะเสียหาย คือกลุ่มใด ซึ่งตนไม่อยากที่จะพูดในที่นี้ เพราะแน่นอนว่าฝ่ายนายจ้าง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากขึ้นค่าแรง เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในขณะนี้ พวกเราก็คงทราบ

นายพิพัฒน์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เพิ่มต้นทุนให้กับฝ่ายนายจ้างก็คือดอกเบี้ยที่สูงเกินความจริงนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งตนคิดว่าในรัฐบาลก็มีหลายฝ่ายที่พยายาม จะเจรจากับทางธนาคารแห่งประเทศไทย ว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือฝ่ายนายจ้าง ซึ่งตลอดเวลาธนาคารแห่งประเทศไทย อ้างถึงว่าหนี้สินครัวเรือนสูงมาก ซึ่งตนก็ไม่ได้เถียง แต่ถามว่าวันนี้ ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารที่เป็นของภาครัฐ มีปล่อยกู้ให้ใครได้บ้าง และเราก็เห็นอยู่แล้วว่าเต็นท์รถมือสองปิดตัวเองตลอดเวลา มีการยึดรถมาลานจอดรถสำหรับการประมูลดังนั้น ตนไม่ขอที่จะถกเถียง


ส่วนที่นาย เซียร์ ถามถึงว่ากรณีที่ระบุว่าไม่สามารถแทรกแซง คณะกรรมการไตรภาคีในเรื่องของการปรับอัตราขั้นต่ำได้แต่ที่ผ่านมารัฐมนตรีเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะปรับค่าแรงขั้นต่ำให้ได้ภายใน 400 บาท ถือเป็นการแทรกแซงหรือไม่ และที่ล่าสุดบอกว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับกิจการที่มีลูกจ้าง 200 คนขึ้นไปนั้น

นายพิพัฒน์ ยืนยันไม่ได้เป็นการแทรกแซงการที่ให้สัมภาษณ์เป็นการให้นโยบายกับปลัดกระทรวงแรงงานในการที่จะเข้าไปเจรจาถ้าตนแทรกแซงนั่นหมายความว่าตนต้องเข้าไปแทรกแซงหรือขอเวลาที่จะไปพูดก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคี ส่วนเรื่องที่กำหนดหลักเกณฑ์ปรับขึ้นเท่ากัน 400 บาท สำหรับธุรกิจที่มีลูกจ้างมากกว่า 200 คนนั้น เพราะคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังไม่อยากให้กระทบกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเพราะ ถือครอง แรงงานกว่าร้อยละ 90 ของประเทศไทยและวันนี้ SME อยู่แทบไม่ได้เพราะการต่อสู้ทางการค้าค่อนข้างรุนแรงมาก ดังนั้นทางกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานกำลังหาแนวทางว่าจะไม่กระทบไปที่ SME แล้วจะหาวิธีอย่างไรในการที่จะไปช่วย กู้สถานะทางการเงินให้กับ SME เพื่อให้เกิดความแข็งแรงและเดินหน้าไปได้ สำหรับรองรับการปรับค่าแรงในครั้งต่อๆ ไป เพราะอาจทำและประกาศในเวลานี้ ก็แน่นอนว่าคงจะมีเพื่อนๆ ผู้ใช้แรงงานอีกเป็นแสนหรือหลายแสนที่จะไม่มีงานทำ ตนก็คงจะไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบมากมายขนาดนั้น จึงขอความกรุณา สส. ที่ทำงานอยู่กับภาคแรงงาน คงทราบดีว่าจุดที่เหมาะสมที่สุดคือจุดไหน

นายพิพัฒน์ กล่าว ว่า การที่เราปรับในภาคธุรกิจที่มีแรงงานมากกว่า 200 คนมีผู้ที่ได้ประโยชน์ประมาณ 2,290,000 คนเศษโดยมีแรงงานไทยได้รับประโยชน์ 1,700,000 กว่าคนที่เหลือเป็นแรงงานต่างด้าว แต่ต้นทุนทางนี้ฝ่ายนายจ้างก็จะได้รับผลกระทบ ต่อคนประมาณ 72 บาท 78 สตางค์ หากถามว่าเราผลักภาระตรงนี้ไปให้กับ SME แล้วถ้า SME ล้ม ความรับผิดชอบก็ต้องอยู่ที่กระทรวงแรงงาน เพราะคุณเล่นประกาศแบบปูพรม แต่ถ้าเราประกาศไซซ์ L ไปก่อนแล้วหลังจากนั้นเรามากู้สถานะให้กับ SME เมื่อสถานะของ SME เดินหน้าต่อไปได้แล้วเรามาว่าของ SME ต่อไปแต่ไม่ได้หมายความว่า SME ปีนี้จะไม่ได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เราก็มีนโยบายต่อไปว่า ในช่วงของสิ้นปีต่อเนื่องปี 2568 เราก็จะมีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะ SME อีกครั้งหนึ่งตามที่อนุไตรภาคีในแต่ละจังหวัดส่งข้อมูลมาให้กับทางกระทรวง

ทั้งนี้นายซียร์ได้ถามคำถามที่ 3 ถึงการที่่รัฐมนตรีให้คำมั่นสัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำผ่านกลไกของคณะกรรมการไตรภาคีให้ถึง 600 บาทในปี 2570 แน่นอนจึงอยากให้รัฐมนตรีช่วยบอกไทม์ไลน์ในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปี 2570 ให้ทราบได้หรือไม่ว่าแต่ละช่วงจะมีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำอย่างไรบ้าง ถึงจะขึ้นถึง 600 บาท พี่น้องประชาชนผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัวเตรียมใจเตรียมความพร้อมในการที่จะได้รับผลด้านบวกและ ด้านลบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวว่า การจะพูดถึงไทม์ไลน์จะต้องดูถึงสถานะของผู้ประกอบการ และสภาวะของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะไม่ถึง 600 บาท แต่จะมีความก้าวหน้า ของการปรับขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ โดยที่ทุกฝ่ายอยู่ได้ และขอให้พวกเราช่วยกัน ในการไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในเรื่องของการลดต้นทุนของค่าดอกเบี้ยของสถานประกอบการเพราะหากมีต้นทุนดอกเบี้ยที่เหมาะสมส่วนเชื่อว่าเมื่อลดต้นทุนได้การที่จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็จะเป็นสมการที่เราสามารถเดินไปได้ เมื่อนายทุนหรือผู้ประกอบการมีต้นทุนที่ต่ำกว่าก็สามารถขยับค่าแรงขั้นต่ำให้กับผู้ใช้แรงงานได้ ดังนั้นโอกาสหน้าอยากให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติหลังจากที่เราประกาศค่าแรงขั้นต่ำไปแล้วที่ 400 บาท ขอให้ เชิญตนมาตอบอีกครั้งหนึ่งตนพร้อมที่จะตอบ ในเวทีแห่งนี้.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย