กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – ธนาคารพาณิชย์หนุนสตาร์ทอัพจัดโครงการบ่มเพาะ เพื่อให้อยู่รอดทางธุรกิจหลังพบสตาร์ทอัพไทยมีปัญหา3ด้านและล้มเหลวกว่าร้อยละ90 ในการเริ่มต้นธุรกิจ
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี(ไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการจัดตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพเพิ่มขึ้นมากในช่วง5ปีที่ผ่านมา จาก1รายเป็น 72ราย มีการระดมทุนจากประมาณเกือบ 100 ล้านบาทเป็น 3500 ล้านบาท แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าประเทศสิงคโปร์ที่มีธุรกิจสตาร์ทอัพถึง 220 แห่ง แม้ว่าสิงคโปร์จะมีประชากรน้อยกว่าประเทศไทยมาก สาเหตุเนื่องจากสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีปัญหาอยู่3ด้านคือ ความสามารถของบุคคลากรในประเทศ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่องทางการขยายตลาด
ดังนั้นธนาคารจึงได้จัดตั้งโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ โดยจะมีการคัดเลือก สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคเข้าร่วมอบรมที่ประเทศสิงคโปร์เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค ตั้งแต่ช่วงระยะเริ่มต้น โดยสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เครือข่ายทางธุรกิจเพื่อปรับแผนธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกันนี้ ยังเปิดให้มีการระดมทุนผ่าน 2 ทาง คือ ระดมทุนจากประชาชนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า crowdfunding และการให้เงินกู้ในรูปแบบของ venture debt เพื่อให้กลุ่มสตาร์ทอัพสามารถอยู่รอดทางธุรกิจจากที่ปัจจจุบัน กลุ่มสตาร์ทอัพมีอัตราการล้มเหลวกว่าร้อยละ 90 ในช่วงการเริ่มต้นทำธุรกิจ เรื่องจากรูปแบบธุรกิจที่ไม่ชัดเจน ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ตอบโจทย์ตลาด ทีมงานที่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอและขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งลงทุน
โดยคุณสมบัติของสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการต้องเริ่มต้นธุรกิจมาแล้วไม่เกิน 3 ปี และกำลังมองหาเงินทุนรวมทั้งต้องมีทีมงานมีทักษะและความรู้เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน เช่น โมบายแบงก์กิ้ง เวลธ์เมเนจเม้นท์ การบริหารความเสี่ยงทางการเงินและเข้าใจการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น โดยสามารถสมัครได้ที่ www.TheFinLab.com โดยจะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2559 – สำนักข่าวไทย