กกร.หนุนขึ้นค่าแรงบางจังหวัด

หอการค้าไทย 9 ม.ค. – กกร.หนุนปรับขึ้นค่าแรงไม่เท่ากันทุกจังหวัด หวั่นกระทบเอสเอ็มอีและภาคเกษตร แนะนำเทคโนโลยีปรับใช้การทำธุรกิจ


นายกลินท์  สารสิน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวปรับขึ้นค่าแรง 2-15 บาทเท่ากันทั่วประเทศนั้น  กกร.เห็นด้วยกับการปรับเพิ่มค่าแรงงานประจำปี แต่ไม่ควรกำหนดเท่ากันทั่วประเทศ  เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและความจำเป็นแต่ละจังหวัดแตกต่างกัน ดังนั้น ควรมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด ประกอบด้วย ผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง ผู้ว่าราชการจังหวัด แรงงานจังหวัด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พาณิชย์จังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด และสำนักงานสถิติจังหวัด ร่วมกันพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างประจำปีตามสภาพข้อเท็จจริงและความจำเป็นแต่ละจังหวัด เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม รายได้ประชาชาติต่อคน สภาพการจ้างงาน ขนาดธุรกิจหรืออุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละจังหวัดแตกต่างกันมาก

ทั้งนี้ มองว่าการปรับค่าแรงประจำปีต้องคำนึงถึงผลกระทบรอบด้านทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและภาคเกษตร โดยปี 2560 ผู้มีงานทำ 37.72 ล้านคน ภาคเกษตร 12.05 ล้านคน ภาคการผลิต 14.79 ล้านคน ภาคการบริการและการค้า  10.88 ล้านคน  นอกจากนี้ ยังเป็นเอสเอ็มอี 3 ล้านราย คาดว่าเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น  จึงอยากให้เกิดผลกระทบต่อเอสเอ็มอีและภาคเกษตรน้อยที่สุด


นายกลินท์  กล่าวว่า  เศรษฐกิจฟื้นตัวดี ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หากปรับขึ้นค่าแรงสูงเกินไปอาจกระทบภาวะเศรษฐกิจและความน่าสนใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งภาครัฐควรผลักดันให้แรงงานไทยมีทักษะฝีมือสูงขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้า

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไม่ขอระบุตัวเลขการขึ้นค่าแรงที่เหมาะสม และไม่อยากเห็นการเข้าไปแทรกแซงการปรับขึ้นค่าแรงใหม่ โดยเคารพการตัดสินใจของคณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด ที่ผ่านมาเตรียมการรองรับการปรับขึ้นค่าจ้างภาคอุตสาหกรรมตลอด สำหรับปัญหาขณะนี้ของภาคอุตสาหกรรม คือ ขาดแคลนแรงงานและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ  ซึ่งได้แนะนำผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคธุรกิจมากขึ้น เช่น อี-คอมเมิร์ซ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง