รัฐสภา 1 ม.ค.-นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ภาพรวมของงานด้านนิติบัญญัติจะดูเฉพาะปริมาณของกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูในเชิงคุณภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการพิจารณากฎหมายของสนช.เป็นไปอย่างรอบคอบ เพราะผ่านการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเกือบทุกฉบับ เว้นแต่จะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่เป็นเรื่องเร่งด่วนเท่านั้นที่จะไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ทั้งนี้ การทำงานของสนช.ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนที่กฎหมายบางฉบับมีสมาชิกสนช.อภิปรายแสดงความคิดเห็นน้อยหรือใช้เวลาพิจารณาสั้นนั้น นายพรเพชร ระบุว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎหมายฉบับนั้นได้ยกร่างมาค่อนข้างดี และมีเนื้อหาที่ไม่กระทบต่อความขัดแย้งของสังคมและประชาชน นอกจากนี้ การตรวจสอบของคณะกรรมาธิการวิสามัญบางคณะค่อนข้างเข้มงวด จึงทำให้ไม่มีการอภิปรายมาก
ส่วนที่บางฝ่ายมองว่าสนช.เป็นเพียงแค่หน่วยงานที่คอยรับใบสั่งในการออกกฎหมายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า การกำเนิดของแม่น้ำ 5 สายย่อมจะถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกัน แต่ความเป็นพวกเดียวกันในระบอบประชาธิปไตยนั้นมีทุกแห่ง ระบอบประชาธิปไตยที่ปกครองด้วยพรรคการเมืองเสียงข้างมากนั้นก็รับใบสั่งโดยตรงจากพรรคการเมือง หรือบางประเทศที่มีพรรคการเมืองพรรคเดียวก็ต้องรับคำสั่งจากพรรค แต่สำหรับกรณีคสช.ก็ได้มองแล้วว่าจะต้องเดินหน้าไปด้วยระบบนิติรัฐ ซึ่งเป็นการปกครองโดยกฎหมาย คสช.จึงเห็นความสำคัญที่จะต้องมีสนช.แม้จะเป็นสภาแต่งตั้งก็ตาม
“แน่นอนย่อมถูกมองว่ามาจากแม่น้ำสายเดียวกัน แต่สนช.ทำงานตามกฎเกณฑ์ของระบบรัฐสภาทั่วโลก ที่ต้องทำกฎหมายให้เป็นไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลซึ่งต้องการเดินหน้าไปในเรื่องหนึ่งเรื่องใดตามนโยบาย และการออกกฎหมายต้องคำนึงถึงหลักนิติธรรมและนิติรัฐเป็นสำคัญ ดังนั้น การบอกว่ามีใบสั่งนั้น ไม่ใช่ใบสั่ง มันเป็นเรื่องนโยบาย ซึ่งเขาแสดงออกมาและไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งซ้ำ ถ้ามันไม่ขัดต่อหลักนิติธรรมนิติรัฐ สนช.ก็ต้องดำเนินการ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สนช.ก็จะไม่เดินไปตามนั้น” นายพรเพชร กล่าว
นายพรเพชร กล่าวว่า สำหรับการทำงานของสนช.ในปี 2561 จะพิจารณาเรื่องสำคัญ คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. รวมทั้งต้องมีการตรากฎหมายที่ออกตามรัฐธรรมนูญด้วย เช่น กฎหมายการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจ เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย.