พิษณุโลก 25 ธ.ค. – พาณิชย์หารือภาคเอกชนกำหนดแผนขยายการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนล่าง หวังเชื่อมโยงกับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ประชุมร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาเกษตรกร สมาคมการท่องเที่ยว เพื่อหารือแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและโอกาสทางค้าและการลงทุน รวมทั้งการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนล่าง จากนโยบายแนวระเบียงเศรษฐกิจ ( Economic Corridor ) เชื่อมโยงโอกาสทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนการเชื่อมโยงโลจิสติกส์กับประเทศในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาค ได้แก่ GMS และ BIMSTEC และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพทางการตลาดสูงมาก อาทิ กลุ่มมรดกโลก กลุ่มอารยธรรมล้านนา
รวมทั้งนำแนวคิดการตลาดนำการผลิตเพื่อสนับสนุนให้ภาคเหนือตอนล่างเป็นฐานการผลิตอาหารที่มีมูลค่าสูงและสินค้าเกษตรอินทรีย์ การส่งเสริมการตลาดผ่านช่องทางการค้าดั้งเดิม อาทิ การนำสินค้าเกษตร เกษตรอินทรีย์ และอาหารแปรรูป เข้าร่วมงาน THAIFEX 2018 งาน Organic Natural EXpo การสนับสนุนให้เกิดการค้าออนไลน์ การส่งเสริมพัฒนาเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคเหนือ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ด้านธุรกิจและการตลาด ตลอดจนส่งเสริมการค้าชายแดนและแก้ไขปัญาอุปสรรค ณ ด่านชายแดน เพื่อให้การค้าและการขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อต้องการรับฟังข้อเสนอภาคเอกชนต้องการให้แก้ไข เช่น กฎระเบียบทางการค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำเรื่องเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา
นายนัฐกร โซ่จินดามณี ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ภาคเหนือตอนล่างหลายจังหวัดมีศักยภาพ ทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จ.ตาก ขณะที่ จ. สุโขทัย เป็นเมืองมรกดโลก พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ รัฐบาลจึงกำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งจากแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ภาคตะวันตก (East-West Corridor) จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งรัดมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อม ทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ระบบโลจิสติกส์ ขณะที่ภาคเอกชนยังร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งเมียนมาร์ สปป.ลาว ไทย เชื่อมโยงเมืองการค้าร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจภาคเหนือแบบกลุ่มจังหวัด รวมทั้งยังจับมือแบบประชารัฐ ร่วมมือกันระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ มหาวิทยาลัย ส่งเสริมเกษตรอุตสหากรรมเพื่อการส่งออก พัฒนาแบบบูรณาการทั้งการตลาด พัฒนาผลิตภัณฑ์ การเพาะปลูกสมัยใหม่ปลอดสาร การแปรรูป เมื่อโครงการจัดหาตลาดได้แล้วจึงมาบอกให้เกษตรกรในเครือข่ายปลูกตามความต้องการของตลาด ไม่ใช่ปลูกแล้วนำไปจำหน่าย นำร่องสินค้า 5 ประเภท ประกอบด้วย 1.กล้วยหอม ตลาดต้องการสูงมาก โดยเฉพาะการแปรรูป จึงต้องส่งเสริมชาวสวนปลูกกล้วยในรูปแบบตลาดต้องการ 2.มะม่วงน้ำดอกไม้ ตลาดส่งออกต้องการสูงมาก แต่เกษตรกรมีปัญหาผลตกเกรด ส่งออกได้ไม่ถึงร้อยละ 30 จึงต้องส่งเสริมการปลูกมะม่วงคุณภาพ 3.สับปะรด พันธุ์ MD2 คัดเนื้อเยื่อพิเศษนำมาเข้าโครงการประชารัฐ หลังจากเริ่มทดลองเกษตรกรพอใจโครงการดังกล่าวอย่างมาก จึงต้องการเสนอรัฐบาลผลักดันให้มีผลต่อเนื่อง
นายชวพันธ์ ชวเจริญพันธ์ ประธานสภาหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า การพัฒนาเขตเศรษฐกิจแม่สอดเป็นที่น่าพอใจ แต่ต้องการเสนอรัฐบาลผ่อนปรนเงื่อนไขการผ่านชายแดนเข้าออก เช่น ชาวเมียนมาร์ภูมิลำเนาในจังหวัดเมียวดีเข้ามาพักอาศัยได้ในแม่สอด ต้องการขยายไปถึงชาวอินเดียและจังหวัดอื่นของเมียนมาร์เข้ามาใช้จ่ายได้มากขึ้น เพราะขณะนี้ชาวอินเดียเข้ามาท่องเที่ยว อ.แม่สอดมากขึ้น
นายชัยคม ศกุนรักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันระดับจังหวัด ได้แก่ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก เสนอผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันตก (WEC) ซึ่งเริ่มมานานกว่า 20 ปี แต่ยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม เพราะศักยภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด่านแม่สอดมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 100,000 ล้านบาท รวมทั้งขณะนี้อินเดียเป็นตลาดใหญ่ ประชากรกว่า 1,300 ล้านคน มีนโยบายขยายการค้าและลงทุนเข้ามายังเมียนมาร์ ทำให้เส้นทางโลจิสติกส์จากอินเดียผ่านเมียนมาร์ได้เข้ามาถึงด่านแม่สอดแล้ว หากไทยไม่มีนโยบายรองรับอาจเสียโอกาส
สำหรับศักยภาพของพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ WEC มีศูนย์กลางการบินถึง 4 แห่งใน 3 จังหวัด และที่แม่สอด เตรียมสร้างสนามบินเพิ่มอีก 1 แห่ง รวมทั้งยังมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงผ่านพิษณุโลกและสุโขทัย นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ ของทั้งภาคเหนือ และเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลนำโครงการนี้ ไปทำการศึกษาและประกาศให้เป็นพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจแห่งที่ 2 ของประเทศ ต่อจากระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อผลักดันสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการค้าและการลงทุน ศูนย์กลางทางการแพทย์และบริการสุขภาพ การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทางธรรมชาติ และการประชุมนานาชาติ รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการเดินทางและขนส่งของอนุภูมิภาค ภาคเอกชนต้องการเสนอรัฐบาลผลักดันเพื่อให้เกิดความชัดเจนและสร้างความมั่นใจต่อการลงทุน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งภาคเหนือ.-สำนักข่าวไทย