กทม.21ธ.ค.- ศาลอาญาคดีทุจริตฯ
เลื่อนฟังคำสั่งรับคดีพนักงานการท่าเรือฯฟ้องดีเอสไอเป็น 22
มกราคม ปีหน้า พร้อมกำชับให้ดีเอสไอส่งรายละเอียดคดีทุจริตเบิกเงินโอทีให้ศาล
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ถนนนครไชยศรี นัดฟังคำสั่ง
คดีที่พนักงานการท่าเรือฟ้อง เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จากกรณีคดีทุจริตการเบิกจ่ายค่าตอบแทนล่วงเวลาแบบเหมาจ่ายแก่พนักงาน
โดยวันนี้ศาลเลื่อนอ่านคำสั่งไปเป็นวันที่ 22 มกราคม 2561 เนื่องจากยังอยู่ในชั้นตรวจฟ้อง
โดยกลุ่มพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย 9 คน พร้อมนายกฤษฎา อินทามระ ทนายความ ในฐานะโจทก์
เข้าฟังคำสั่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในคดีที่ยื่นฟ้องพันเอกพินิจ
ตั้งสกุล ผู้บัญชาการสำนักงานคดีทรัพย์สินทางปัญญา
กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอกับพวก รวม 2 คน และนายโกมล
ศรีบางพลีน้อย ผู้อำนวยการการท่าเรือกรุงเทพ
ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
กรณีทำสำนวนคดีทุจริตเบิกเงินค่าล่วงเวลาหรือโอที ของพนักงานการท่าเรือ 560 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท ส่งไปให้
สำนักงาน หรือ ป.ป.ช. ไต่สวนความผิด ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ปรากฎว่า ป.ป.ช.
ไม่รับสำนวนในการไต่สวน ตีกลับให้ดีเอสไอมาดำเนินคดีอาญา เมื่อเดือนพฤศจิกายน
ที่ผ่านมา
นายกฤษฎา ระบุว่า การที่ ป.ป.ช. ตีกลับสำนวน
แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและผู้อำนวยการการท่าเรือกรุงเทพปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ทำให้พนักงานการท่าเรือบางส่วนที่ตกเป็นผู้เสียหาย
จึงมาฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ซึ่งศาลให้ดีเอสไอส่งผลการดำเนินการเกี่ยวกับคดีทั้งหมดมาให้ศาล
รวมทั้งให้ฝ่ายโจทก์ส่งคำฟ้องให้ดีเอสไอรับทราบด้วย
สำหรับคดีนี้ดีเอสไอได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่การท่าเรือตั้งแต่ปี
2556-2557 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวน
พบว่ามีการกระทำผิดพนักงานมีพฤติกรรมเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา (โอที)
ที่ไม่เป็นไปตามจริง ในช่วงระหว่างปี 2545-2555
มูลค่าความเสียหายกว่า 3,300 ล้านบาท เกี่ยวข้องกับบุคคลกว่า
1,200 คน นอกจากนี้ ดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งให้กับ ป.ป.ช.
ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2560
และมีผู้ที่ถูกฟ้องไปยัง ป.ป.ช. กว่า 560 ราย–สำนักข่าวไทย