ประจวบคีรีขันธ์ 9 ธ.ค.-ช้างป่าละอูอาละวาดหนัก ออกจากป่ามาหากินตามบ้านเรือนประชาชน แต่ไม่เจออาหาร เลยหงุดหงิดเหยียบรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านพังเสียหาย เผยอีกหมู่บ้านเคยถูกช้างป่าบุกพังบ้านถึง 6 ครั้งยังหาวิธีป้องกันไม่ได้
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุช้างป่าบุกเข้าทำลายรถยนต์ของประชาชนที่หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จึงไปตรวจสอบ พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีน้ำเงิน ทะเบียน ฌร-9026 กรุงเทพฯ จอดอยู่หน้าร้านเสริมสวยนานาซาลอน เลขที่ 156 หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ห่างจากตู้ยามตำรวจบ้านพลับราว 10 เมตร ถูกช้างเหยียบที่หลังคาและท้ายรถยุบพังทั้งแถบ
สอบถามนายสุวิท บุญช่วย อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร เจ้าของรถเก๋ง เล่าว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาขณะตนและครอบครัวนอนหลับสนิทอยู่ภายในร้าน มีช้างป่าขนาดใหญ่เดินเข้ามาหากินด้านหน้าร้า ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเปิดเป็นแผงขายทุเรียน แต่ช่วงนี้หมดหน้าทุเรียนแล้ว คาดว่าช้างป่าคงเกิดอาการหงุดหงิดที่ไม่พบอาหาร ก่อนใช้เท้าเหยียบรถเก๋งของตนที่จอดอยู่หน้าร้านพังเสียหาย กระทั่งตำรวจที่ตู้ยามได้ยินเสียงออกมาดู ก่อนตะโกนช่วยขับไล่ช้างวิ่งหายเข้าป่าไป และแจ้งให้ตนทราบ ส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นราว 1 แสนบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะเดียวกันที่บ้านพักของนางส้มจีน ช่อเกตุ อายุ 68 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 บ้านเฉลิมพร ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน ก็ถูกช้างป่าเข้าพังบ้านเรือนได้รับความเสียหายถึง 6 ครั้งแล้ว แต่ยังหาวิธีป้องกันช้างป่าไม่ได้ แม้ว่าจะใช้วิธีขับไล่ด้วยการจุดลูกโป้ง
ด้านนายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์แบบบูรณาการ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยกรณีช้างป่าละอูบุกทำลายรถยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายในพื้นที่หมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีช้างป่าบุกเข้าทำลายบ้านเรือนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่อุทยานฯเสนอรายงานให้หลายหน่วยงานรับทราบเพื่อดำเนินการสร้างรั้วป้องกันช้างป่าโดยด่วนที่สุด เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะสั้น และจากการติดตามพฤติกรรมการออกหากินในเวลากลางคืน พบว่ามีช้างป่าเพศผู้ขนาดใหญ่ 2 ตัว คือ พลายบุญช่วย และพลายบุญมี ได้เข้าทำลายทรัพย์สินของประชาชน
“ได้รายงานให้ผู้บริหารระดับสูงรับทราบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งอาจมีแนวทางในการศึกษาความเหมาะสม เพื่อย้ายช้างป่าทั้ง 2 ตัวออกจากพื้นที่ สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ผ่านมาอุทยานฯได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำวัสดุก่อสร้างช่วยซ่อมแซมบ้านพักที่เสียหายทุกครั้งที่เกิดเหตุ แต่การช่วยเหลือด้านอื่นยังติดขัดการตีความกฎหมาย เนื่องจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.เพชรบุรี ไม่ได้ประกาศจุดที่ช้างเข้าทำลายทรัพย์สินเป็นเขตภัยพิบัติเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น เนื่องจากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเกิดจากช้างป่าตามธรรมชาติ ไม่ใช่ช้างเลี้ยง“ นายมานะ กล่าว.-สำนักข่าวไทย