ขนส่งสั่งปรับเจ้าของแท็กซี่ก่อเหตุอนาจารผู้โดยสาร

กรุงเทพฯ  5 ธ.ค. – กรมการขนส่งทางบกสั่งปรับเจ้าของแท็กซี่กระทำอนาจารต่อหน้าผู้โดยสาร ฐานไม่ส่งประวัติคนขับ-ใบอนุญาตหมดอายุ เตือนหากพบการร้องเรียนผู้ขับรถในสังกัดซ้ำ อาจพิจารณาเพิกถอนทะเบียนรถหรือระงับการเพิ่มรถ ด้านคนขับรถยังหลบหนี เร่งประสานตำรวจติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย


นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยความคืบหน้ากรณีมีผู้ร้องเรียนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พบผู้ขับรถแท็กซี่กระทำอนาจาร (ช่วยเหลือตัวเอง) ต่อหน้าผู้โดยสาร ขณะให้บริการรับจ้างผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางโรงเรียนแห่งหนึ่งบริเวณถนนเทพารักษ์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่า ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ารถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นรถแท็กซี่สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทส 1781 กรุงเทพมหานคร โดยมีบริษัท เอวี ลีซซิ่ง จำกัด เป็นผู้ประกอบการและเจ้าของรถ ส่วนผู้ขับรถ คือ นายสมคิด กุลนาค ได้รับใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ฉบับที่ 55000162 วันอนุญาต 27 สิงหาคม 2555 วันสิ้นอายุ 4 ตุลาคม 2558 ออกให้โดยนายทะเบียนจังหวัดศรีษะเกษ โดยขณะนี้หลบหนี ทำให้ไม่สามารถติดตามตัวมาดำเนินการได้ กรมการขนส่งทางบกได้มอบหมายให้กองตรวจการขนส่งทางบกประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามตัวนายสมคิด มาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร็ว 

อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้ให้ผู้ประกอบการบริษัท เอวี ลีซซิ่ง จำกัด เข้ารายงานตัว เนื่องจากมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานไม่ส่งประวัติผู้ขับรถตามมาตรา 5(15) ประกอบมาตรา 58 ปรับ 1,000 บาท และฐานยินยอมให้ผู้ที่ใบอนุญาตสิ้นอายุมาปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 60 ปรับ 2,000 บาท ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกได้บันทึกประวัติผู้ขับรถไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ สำหรับตรวจสอบและป้องกันไม่ให้ผู้ที่เคยกระทำความผิดร้ายแรงกลับเข้าสู่ระบบให้บริการขนส่งสาธารณะได้อีก พร้อมบันทึกประวัติการประกอบการของผู้ประกอบการ หากพบการร้องเรียนผู้ขับรถในสังกัดซ้ำในฐานความผิดเดิม นายทะเบียนอาจพิจารณาเพิกถอนทะเบียนรถยนต์หรือระงับการจดทะเบียนเพิ่มในประกอบการ สำหรับผู้เสียหาย กรมการขนส่งทางบกแนะนำให้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีทางอาญาให้ถึงที่สุดต่อไป


“ผู้ประกอบการมีหน้าที่ควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่ใช้บริการ ต้องไม่ให้หรือยินยอมให้ผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถหรือใบอนุญาตขับรถสิ้นอายุปฏิบัติหน้าที่  และต้องส่งข้อมูลประวัติผู้ขับรถให้กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อการบันทึกประวัติการกระทำความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ” นายสนิท กล่าว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง